ถามเรื่อง Vat. หน่อยครับ

คือว่าอยากทำเว็บโฮสติ้ง แต่ติดปัญหาอยู่ที่การออกบิล Vat. ซึ่งไม่มีความรู้ด้านนี้เลย อยากทราบว่าถ้าต้องการออกบิล Vat. ให้ลูกค้า
ต้องทำอย่างไรบ้าง แล้วทำได้กี่วิธี มีอะไรบ้าง ช่วยตอบทีนะครับ

คุณจะออกใบกำกับภาษีได้ ต้องเป็นนิติบุคคล (หมายถึงบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน)
ถ้าคุณเป็นบุคคลธรรมดา แล้วมาออกใบกำกับภาษี ถือว่าทำปลอม สรรพากรรู้ปรับอานค่ะ

คุณจะออกใบกำกับภาษีได้ ต้องเป็นนิติบุคคล (หมายถึงบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน)
ถ้าคุณเป็นบุคคลธรรมดา แล้วมาออกใบกำกับภาษี ถือว่าทำปลอม สรรพากรรู้ปรับอานค่ะ

บุคคลธรรมดา ก็สามารถออกใบกำกับภาษีได้ เพียงแต่ต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. จดทะเบียนพาณิชย์ปกติ โดยใช้ชื่อของผู้จดทะเบียน ควบคู่กับ ชื่อของกิจการที่ต้องการจดทะเบียน โดยผู้ขอจดทะเบียนที่เป็นบุคคลธรรมดาจะต้องมีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ( ซึ่งปกติน่าจะมีอยู่แล้ว เพราะทุกคนต้องเคยทำงานเป็นลูกจ้าง และเสียภาษีบุคคลธรรมดามาก่อน ซึ่งหมายเลขผู้เสียภาษีอากรนี้ สามารถใช้ควบคู่กับชื่อกิจการที่ต้องการจดทะเบียน โดยไม่ต้องขอใหม่ )

  2. จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ( ภพ.20 ) ในนามของบุคคลธรรมดา และ ชื่อกิจการ ตามใบทะเบียนพาณิชย์ที่ได้มา ซึ่งเมื่อจดเสร็จแล้ว ใบ ภพ.20 สรรพากรจะแจ้งให้คุณไปรับตัวจริงได้ประมาณ 1 เดือน

  3. สิ่งที่จะต้องใช้อ้างอิงในการออกใบกำกับภาษีคือ ชื่อของกิจการ หรือ ชื่อบุคคลที่จดทะเบียน และ หมายเลข ภพ.20 ( หมายเลขเดียวกันกับหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ) เช่น

           นายพร้อม ดอทคอม หรือ พร้อมโฮสติ้ง
           เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 1234567890
    
           ซึ่งจำเป็นต้องพิมพ์บนหัวบิล ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้ และ copy 1-2 ใบ ซึ่ง 1 ชุด ใบกำกับภาษี ส่วนใหญ่จะมี 4 สำเนา หรือ 5 สำเนา ก็แล้วแต่ทางผู้จัดทำ แนะนำให้ทำ 5 สำเนา เพราะ
    
           ให้ลูกค้า " ใบเสร็จรับเงิน + ใบกำกับภาษี + ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้ "
           ส่งสรรพากรประจำเดือน " สำเนาใบกำกับภาษี "
           กิจการเก็บไว้ " สำเนาใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงิน " เป็นเวลา 5 ปี เพื่อหากสรรพากรตรวจสอบย้อนหลังสามารถให้มีการตรวจสอบได้ 
           และเพื่อใช้อ้างอิงในกิจการ
    
  4. ส่งสำเนาใบกำกับภาษี และจัดส่งภาษี ให้แก่สรรพากรทุกเดือนภาษี โดยกรอกเอกสารที่สรรพากร ( รับเอกสารมาทำก่อนก็ได้ ) คำนวณภาษีซื้อ และภาษีขาย ให้เรียบร้อย ส่วนที่เหลือเป็นเงินนำส่งภาษีประจำเดือน

  5. ซึ่งหากเดือนใดมีภาษีซื้อ มากกว่า ภาษีขาย เดือนนั้นก็จะเป็น เดบิตภาษี ( ไม่จำเป็นต้องนำเงินส่ง ) แต่ต้องยื่นเอกสารทุกเดือน

  6. ภาษีซื้อ คืออะไร

             คือ ภาระภาษีซื้อสำหรับกิจการ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าน้ำ ค่าไฟ น้ำประปา ค่าโทรศัพท์ ค่าอุปกรณ์สำนักงานที่ซื้อใหม่ หลังจากจดทะเบียน เรียบร้อยเป็นต้น
    
  7. ภาษีขายคืออะไร

             คือ ภาษี 7% ที่คิดแก่ลูกค้าของคุณ เช่น ค่าบริการ 1000 บาท เป็นภาษี 70 บาท
    
  8. ภาษีซื้อ ลบ ภาษีขาย คืออะไร

             สมมติมีภาษีซื้อเดือนนี้ เป็นเงิน 1000 บาท
                      ภาษีขาย 500 บาท
                      คงเหลือ 500 บาท ( เป็นเดบิตภาษี ไม่ต้องนำเงินส่ง แต่ยื่นเอกสารประจำเดือนปกติ)
    
             เดือนต่อไปลูกค้ามากหน่อย 
                     ภาษีซื้อ 500 บาท ( รวมกับเดบิตภาษีเดือนก่อน 500 บาท เป็น 1000 บาท )
                     ภาษีขาย 2000 บาท
                     ภาษีที่คุณต้องนำส่งสรรพากรเป็นเงินสด คือ 1000 บาท
                     เดบิตภาษีมีค่าเท่ากับ 0
    
  9. เดือนต่อไปเริ่มคำนวณ กันใหม่ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

  10. สามารถสอบถามเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่สรรพากร หรือ สำนักงานบัญชี ( หากคุณจ้างผู้จัดทำบัญชี ) หรือตามหนังสือเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มทั่วไป )

โอ้ว ขอบคุณคุณ Hnuman มากเลยค่ะ ดิฉันเข้าใจผิดจริงๆ ด้วย
ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยอธิบายนะคะ :wink:

โอ ขอคารวะคุณ Hnuman :slight_smile:

ขอบคุณมากครับ ผมไปหาศึกษาข้อมูลมาเพิ่ม ก็เลยอยากจะแบ่งปันตามนี้ครับ

  1. ตั้งแต่ 1 ตค. 2546 ให้บุคคลธรรมดาใช้เลขประจำตัวประชาชนแทนเลขประจำตัวผู้เสียภาษีได้เลยโดยไม่ต้องขอเลขประจำตัว
  2. ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มถ้าธุรกิจมีกำไรไม่เกิน 12 ล้าน หรือถ้าอยากจะจดก็สามารถทำใด้
  3. เว็บไซต์ของไทยที่มีธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ต(เว็บโฮสติ้ง เว็บขายของ ฯลฯ) ต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายใน 30 วันตั้งแต่เริ่มประกอบการ
  4. เมื่อจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้วจะได้เลขทะเบียนการค้ามาด้วยโดยไม่ต้องไปจดเพิ่ม
  5. ผู้ประกอบการสามารถออกใบสำคัญรับเงิน(ใบเสร็จรับเงิน) ให้กับลูกค้าหรือผู้ให้บริการได้เลย เพราะเป็นเพียงเหมือนสัญญาธุรกรรมระหว่างบุคคล(หรือนิติบุคคล)โดยไม่ต้องติดอากรแสตมป์ เพื่อยืนยันการได้มาของเงิน

ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือห้างร้านที่จดทะเบียนพาณิชย์ ซึ่งประกอบธุรกรรมทุกประเภท นอกจากทางอินเทอร์เน็ตแล้ว ปกติก็ต้องออกใบเสร็จรับเงินให้กับลูกค้าอยู่แล้ว เพื่อยืนยันการรับการชำระเงิน เช่น บ้านเช่า ร้านซ่อมมอเตอร์ไซต์ แผงขายดอกไม้ ฯลฯ

แต่ถ้าจะออก ใบกำกับภาษี ให้กับลูกค้า ก็จำเป็นต้องจดทะเบียน ภพ.20 เสมอ โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงรายได้ต่อปี

ซึ่งจากการประกอบการจริงนั้น จะมีเรื่อง ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

สำหรับบุคคลธรรมดา/ห้างร้าน/นิติบุคคล ที่ต้องการใบกำกับภาษี / ภาษี หัก ณ ที่จ่าย นอกเหนือจากใบเสร็จรับเงิน ที่สามารถออกได้ปกติอยู่แล้ว

ภาษีมูลค่าเพิ่ม จะมีเกี่ยวพันกับรายได้ (ไม่ใช่กำไร) ตรงที่ว่า
ถ้าหากรายได้นิติบุคคลมีไม่ถึงหนึ่งล้านสองแสนบาทต่อปี
นิติบุคคลมีสิทธิเลือกจะจดหรือไม่จดภาษีมูลค่าเพิ่มได้
แต่หากว่าวันใดที่มีรายได้ในปีนั้นถึงล้านสองแล้ว
ก็จะต้องไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในทันที

เคยติดต่อไปที่กรมสรรพาก ได้รายละเอียดดังข้างบน แต่บางอย่างดูยังไม่ค่อยชัดเจน

เช่นเมื่อจด ภพ. 20 แล้ว ถึงเราจะสามารถหักภาษีซื้อได้ แต่การหัก จะหักได้เพียงบางอย่าง ไม่สามารถหักได้ทุกอย่างเหมือนบริษัทจำกัด ซึ่งเมื่อสอบถามเพิ่มเติมพนักงานให้คำตอบคร่าวๆ ว่า “หักได้เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับกิจการ” ทำให้งงๆ ว่าเดี๋ยวตอนหักภาษีซื้อต้องมานั่งพิสูจน์กันอีกหรือเปล่า ว่าอันไหนใช่ อันไหนไม่ใช่ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ที่ใช้กับบ้านที่อาศัย (และทำเป็นออฟฟิศ) ติดต่อลูกค้า มือถือโทรฯ ได้หรือเปล่า?

อีกข้อหนึ่ง คือการเสียภาษียังคงเป็นภาษีก้าวหน้าเหมือนเดิม คำนวณไปคำนวณมารู้สึกถ้าจด VAT โดยใช้ชื่อส่วนบุคคลแล้วจะต้องเสียภาษีมากขึ้นกว่าระบบหัก 3% แล้วไปคำนวณภาษีก้าวหน้าให้ถูกต้องตอนปลายปี น่าจะถูกกว่าหรือเปล่าครับ? :huh:

เคยติดต่อไปที่กรมสรรพาก ได้รายละเอียดดังข้างบน แต่บางอย่างดูยังไม่ค่อยชัดเจน

เช่นเมื่อจด ภพ. 20 แล้ว ถึงเราจะสามารถหักภาษีซื้อได้ แต่การหัก จะหักได้เพียงบางอย่าง ไม่สามารถหักได้ทุกอย่างเหมือนบริษัทจำกัด ซึ่งเมื่อสอบถามเพิ่มเติมพนักงานให้คำตอบคร่าวๆ ว่า “หักได้เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับกิจการ” ทำให้งงๆ ว่าเดี๋ยวตอนหักภาษีซื้อต้องมานั่งพิสูจน์กันอีกหรือเปล่า ว่าอันไหนใช่ อันไหนไม่ใช่ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ที่ใช้กับบ้านที่อาศัย (และทำเป็นออฟฟิศ) ติดต่อลูกค้า มือถือโทรฯ ได้หรือเปล่า?

อีกข้อหนึ่ง คือการเสียภาษียังคงเป็นภาษีก้าวหน้าเหมือนเดิม คำนวณไปคำนวณมารู้สึกถ้าจด VAT โดยใช้ชื่อส่วนบุคคลแล้วจะต้องเสียภาษีมากขึ้นกว่าระบบหัก 3% แล้วไปคำนวณภาษีก้าวหน้าให้ถูกต้องตอนปลายปี น่าจะถูกกว่าหรือเปล่าครับ? :huh:

วิธีการง่ายๆ โดยไม่ต้องพิสูจน์คือ

เมื่อมีการซื้อสินค้าหรือบริการจากที่ใดใด ให้ออกบิลในนามชื่อและที่อยู่ของกิจการ เป็นอันเรียบร้อย หักได้ทุกอย่าง

ค่าน้ำ ค่าไฟ โทรศัพท์ ผ่อนรถยนต์ หรืออื่นใด หากเป็นชื่อบุคคลอยู่ก่อน ต้องไปจัดการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็นชื่อของกิจการ ก่อนนะ ถึงจะหักได้

แนะนำหากจะทำเรื่อง VAT อย่างจริงจัง ให้ใช้ชื่อกิจการ ดีกว่า ชื่อบุคคล

ในนามกิจการเมื่อสิ้นปีภาษี จะเสียภาษีสำหรับกิจการจำนวน 30% จากผลกำไรสุทธิ

ในนามบุคคล ให้ทำเป็นเงินเดือนการบริหารจากกิจการ ก็จะเสียเป็นภาษีบุคคลธรรมดา หักลดหย่อนต่างๆ ก็จะเหลือภาษีที่ต้องจ่าย จะเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่ว่า คุณตั้งเงินเดือนให้กับคุณเองเดือนละเท่าไหร่ ?

:frowning: เป็นงง… :blink:

ให้ความรู้ดีมากครับ

          เนื่องจากดิฉันไม่ได้เรียนทางด้านภาษีมากนัก  อยากทราบรายละเอียดดังนี้คะ

1.ภาษีซื้อ-ขาย หมายถึงอะไร

[quote] [quote] เคยติดต่อไปที่กรมสรรพาก ได้รายละเอียดดังข้างบน แต่บางอย่างดูยังไม่ค่อยชัดเจน

เช่นเมื่อจด ภพ. 20 แล้ว ถึงเราจะสามารถหักภาษีซื้อได้ แต่การหัก จะหักได้เพียงบางอย่าง ไม่สามารถหักได้ทุกอย่างเหมือนบริษัทจำกัด ซึ่งเมื่อสอบถามเพิ่มเติมพนักงานให้คำตอบคร่าวๆ ว่า “หักได้เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับกิจการ” ทำให้งงๆ ว่าเดี๋ยวตอนหักภาษีซื้อต้องมานั่งพิสูจน์กันอีกหรือเปล่า ว่าอันไหนใช่ อันไหนไม่ใช่ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ที่ใช้กับบ้านที่อาศัย (และทำเป็นออฟฟิศ) ติดต่อลูกค้า มือถือโทรฯ ได้หรือเปล่า?

อีกข้อหนึ่ง คือการเสียภาษียังคงเป็นภาษีก้าวหน้าเหมือนเดิม คำนวณไปคำนวณมารู้สึกถ้าจด VAT โดยใช้ชื่อส่วนบุคคลแล้วจะต้องเสียภาษีมากขึ้นกว่าระบบหัก 3% แล้วไปคำนวณภาษีก้าวหน้าให้ถูกต้องตอนปลายปี น่าจะถูกกว่าหรือเปล่าครับ?

เนื่องจากดิฉันไม่ได้เรียนทางด้านภาษีมากนัก อยากทราบรายละเอียดดังนี้คะ
1.ภาษีซื้อ-ขาย หมายถึงอะไร

ภาษีซื้อ คือ เมื่อคุณซื้อสินค้าและบริการจากที่ใด และออกใบกำกับภาษี มอบให้คุณ เรียกว่าภาษีซื้อทั้งหมด

ภาษีขาย คือ เมื่อคุณจำหน่ายสินค้าและบริการให้กับลูกค้า และออกใบกำกับภาษีให้ลูกค้า เรียกว่าภาษีขาย

เดือนใด ภาษีซื้อ มากกว่า ภาษีขาย เอาภาษีซื้อ ลบ ภาษีขาย เหลือเท่าไหร่ เรียกว่า เครดิตภาษี ไม่ต้องนำส่งภาษีในเดือนนั้น

เดือนใด ภาษีขาย มากกว่า ภาษีซื้อ เอาภาษีขาย ลบ ภาษีซื้อ เหลือเท่าไหร่ จะเป็นส่วนที่ต้องนำส่งแก่สรรพากรในเดือนนั้น

:slight_smile:

[quote] [quote] เคยติดต่อไปที่กรมสรรพาก ได้รายละเอียดดังข้างบน แต่บางอย่างดูยังไม่ค่อยชัดเจน

เช่นเมื่อจด ภพ. 20 แล้ว ถึงเราจะสามารถหักภาษีซื้อได้ แต่การหัก จะหักได้เพียงบางอย่าง ไม่สามารถหักได้ทุกอย่างเหมือนบริษัทจำกัด ซึ่งเมื่อสอบถามเพิ่มเติมพนักงานให้คำตอบคร่าวๆ ว่า “หักได้เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับกิจการ” ทำให้งงๆ ว่าเดี๋ยวตอนหักภาษีซื้อต้องมานั่งพิสูจน์กันอีกหรือเปล่า ว่าอันไหนใช่ อันไหนไม่ใช่ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ที่ใช้กับบ้านที่อาศัย (และทำเป็นออฟฟิศ) ติดต่อลูกค้า มือถือโทรฯ ได้หรือเปล่า?

อีกข้อหนึ่ง คือการเสียภาษียังคงเป็นภาษีก้าวหน้าเหมือนเดิม คำนวณไปคำนวณมารู้สึกถ้าจด VAT โดยใช้ชื่อส่วนบุคคลแล้วจะต้องเสียภาษีมากขึ้นกว่าระบบหัก 3% แล้วไปคำนวณภาษีก้าวหน้าให้ถูกต้องตอนปลายปี น่าจะถูกกว่าหรือเปล่าครับ?� :huh:

วิธีการง่ายๆ โดยไม่ต้องพิสูจน์คือ

เมื่อมีการซื้อสินค้าหรือบริการจากที่ใดใด ให้ออกบิลในนามชื่อและที่อยู่ของกิจการ เป็นอันเรียบร้อย หักได้ทุกอย่าง

ค่าน้ำ ค่าไฟ โทรศัพท์ ผ่อนรถยนต์ หรืออื่นใด หากเป็นชื่อบุคคลอยู่ก่อน ต้องไปจัดการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็นชื่อของกิจการ ก่อนนะ ถึงจะหักได้

แนะนำหากจะทำเรื่อง VAT อย่างจริงจัง ให้ใช้ชื่อกิจการ ดีกว่า ชื่อบุคคล

ในนามกิจการเมื่อสิ้นปีภาษี จะเสียภาษีสำหรับกิจการจำนวน 30% จากผลกำไรสุทธิ

ในนามบุคคล ให้ทำเป็นเงินเดือนการบริหารจากกิจการ ก็จะเสียเป็นภาษีบุคคลธรรมดา หักลดหย่อนต่างๆ ก็จะเหลือภาษีที่ต้องจ่าย จะเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่ว่า คุณตั้งเงินเดือนให้กับคุณเองเดือนละเท่าไหร่ ? [/quote]
ที่เขียนไปผมหมายถึงการจดภาษีมูลค่าเพิ่มแบบบุคคลธรรมดาน่ะครับ :unsure: [/quote]
คุณ oat กับ คุณ Wiz คือ คนเดียวกันเหรอครับ :dgrin:

บุคคลธรรมดา ก็สามารถออกใบกำกับภาษีได้ เพียงไปจด ภพ.20 เท่านั้น ส่วนใหญ่ที่พบกรณีนี้คือ ร้านค้าธรรมดา ทั่วไปที่ออกใบกำกับภาษี คือใช้ชื่อบุคคลธรรมดา และ ชื่อร้าน ในการขอจดทะเบียน ภพ.20 เลขประจำตัวผู้เสียภาษีที่ได้คือ เลขประจำตัวของบุคคลธรรมดา

ณ ปัจจุบัน ร้านค้า หสม หจก บจก ที่ขอจด ภพ.20 ไม่ได้คำนึงมากนักเรื่อง จะมีรายได้ถึงล้านสองต่อปีหรือเปล่า ถึงไม่ถึงว่ากันอีกที แต่จดไว้ก่อน เพื่อออกใบกำกับภาษีให้กับลูกค้านำไปทำค่าใช้จ่ายด้านบัญชี เพราะหากไม่จด เวลาค้าขายจริง จะมีปัญหากับลูกค้าที่ต้องการใบกำกับภาษี เพราะเราจะขายสินค้าและบริการให้เขาไม่ได้ ยังไงจดไว้ก่อนดีกว่าครับ เพื่อ เซ็งลี้ฮ่อ :slight_smile:

เหมือนจะคนละคนนะครับ

คนละคนกันครับ แต่เป็นคนเดียวกับ MrD1 (เมื่อก่อนใช้ชื่อนี้ แต่ตอนนี้เลิกใช้ไปแล้วครับ) :slight_smile:

get ครับ คุณ Wiz :lol:

คนละคนกันครับ แต่เป็นคนเดียวกับ MrD1 (เมื่อก่อนใช้ชื่อนี้ แต่ตอนนี้เลิกใช้ไปแล้วครับ) :slight_smile:

มั่วไปกันใหญ่แล้วครับ ผมใช้ชื่อนี้อยู่ชื่อเดียวเท่านั้นครับ