สะใจ…แล้วยังไง ?
โดย คำนูณ สิทธิสมาน
ถ้าสมมติกรุงเทพมหานครมีผู้ว่าราชการชื่อ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อะไรจะเกิดขึ้น ?
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูง เพราะเห็นความคิดความอ่านในหมู่คนรุ่นใหม่ที่มีอายุอานามระหว่าง 18 ปีขึ้นไปถึง 22, 23 หรือไม่เกิน 25 ปีแล้วออกจะน่าตกใจ คนรุ่นใหม่เหล่านี้นิยมผู้สมัครหมายเลข 15 คนนี้อย่างชนิดหาไม่มีเหตุผลอะไรให้อธิบายมากนัก
ส่วนหนึ่ง เพราะชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นคนดัง !
ส่วนหนึ่ง เพราะชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นคนดังที่มีความแตกต่างจากคนดังคนอื่น ๆ มาก !!
ส่วนหนึ่ง เพราะชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มี ภาพ ของความเป็นกบฏต่อระบบ !!!
อย่าว่าแต่คนรุ่นใหม่เลยครับ คนรุ่นเก่าอายุใกล้เคียงกับผมหลายต่อหลายคนก็ยังแสดงความในใจว่าวันที่ 29 สิงหาคม 2547 นี้จะกาบัตรให้เขา อาจจะเพราะปัจจัยข้อท้ายสุดเป็นหลัก
ผมพบความจริงว่าน่าจะมีคน 2 - 3 กลุ่มเลือกคน ๆ นี้ด้วยสาเหตุที่แตกต่างกัน
กลุ่มหนึ่ง เลือกเพราะต้องการตบหน้าระบบการเมืองไทยทั้งระบบ เพื่อความสะใจ
กลุ่มหนึ่ง เลือกเพราะ ภาพ ของความเป็นคนดัง คนกล้า คนสวนกระแส
กลุ่มหนึ่ง เลือกเพราะเห็นเขาพูด ๆ กันจนเป็นกระแส ก็เลยขอตามกระแสบ้าง เนื่องจากมันทำให้ตัวเองดูเก๋ดูเท่ขึ้นมา ก็เหมือนกับต้องหาโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ มาถืออยู่เสมอนั่นแหละ
ถ้าหลังวันที่ 29 สิงหาคม 2547 นี้กรุงเทพมหานครมีผู้ว่าราชการชื่อชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ สิ่งที่ผู้คนที่กาบัตรให้เขาจะได้รับแน่ ๆ ก็คือ....
ความสะใจ !
แต่หลังความสะใจผ่านพ้นไปแล้ว พวกเราก็จะต้องทำใจ !!
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ร่ำรวยขึ้นมาจากธุรกิจค้ากาม ผมขอพูดจาฟันธงอย่างนี้เลยก็แล้วกัน เพราะสถานอาบอบนวดในประเทศไทยใคร ๆ ก็รู้อยู่ว่ามันคือซ่องโสเภณีที่หรูหรา การที่ผู้ประกอบธุรกิจค้ากามคนหนึ่งประสบความสำเร็จในการผ่านระบบเลือกตั้งขึ้นมาเป็น เจ้าเมือง ของเมืองหลวงของประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลก เมืองที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ได้ด้วยชัยชนะเหนือผู้สมัครที่มีประสบการณ์มีความชำนาญหลายต่อหลายคน รวมทั้งพรรคการเมืองเก่าแก่ พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล และ ฯลฯ แสดงว่าประชากรกรุงเทพมหานครเปลี่ยนไปแล้ว หรืออย่างน้อยคนอื่นจากทั่วทุกมุมโลกเขาก็ต้องมองว่าประชากรชาวกรุงเทพมหานครเปลี่ยนไปแล้ว
ประชากรกรุงเทพมหานครที่ครั้งหนึ่งเมื่อ 10 ปีก่อน ดิกชันนารีตะวันตกนิยามชื่อ Bangkok ว่า นครโสเภณี ยังเคลื่อนไหวประท้วงอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่วันนี้ ลงประชามติเลือก พ่อเมือง มาจากคนที่ข่าวภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Thailand's biggest and most notorious massage parlour tycoon บ้าง The godfather of Thailand's sex industry บ้าง
ธุรกิจค้ากามหากเกิดจากความจำเป็นสุด ๆ ของชีวิต เพื่อเอาชีวิตรอด ยังพอจะรับได้
แต่ธุรกิจค้ากามในยุคปัจจุบันเกิดจากความอยากรวยให้เร็วที่สุด
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์จะเป็นคนใหม่แล้วหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ แต่ในฐานะคนที่ชอบย้อนดูเรื่องราวของคน ผมมีเรื่องของเขาจะทบทวน
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ไม่ได้ เอียน หรือ สำนึกผิด อะไรกับธุรกิจค้ากามที่เขาทำอยู่นะครับ
ปลายปี 2545 ต้นปี 2546 เขา เอนจอย มาก ๆ ด้วยซ้ำ
คงไม่ลืมกันนะครับว่าเขาตั้งใจลงทุนหลายร้อยล้านบนที่ดินย่านสุขุมวิท 11 เป็นความอยากรวยอย่างต่อเนื่อง กระทั่งรอไม่ได้ที่จะให้เรื่องราวดำเนินไปตามขั้นตอน ไม่ว่าเหตุการณ์แท้จริงของกรณีรื้อบาร์เบียร์จะเป็นอย่างไร แต่แน่นอนอย่างหนึ่งคือเขาเป็นผู้ต้องการให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวบรัด รวดเร็ว จึงมอบหมายความรับผิดชอบให้เพื่อนฝูงที่เป็นตำรวจและทหารจำนวนหนึ่ง
โชคไม่ดีที่เรื่องมันอื้อฉาวจนเกินไป
โชคไม่ดีที่อยู่ในยุคของรัฐบาลที่ประกาศนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล
โชคไม่ดีที่เขาถูกเพื่อนฝูงในเครื่องแบบหักหลัง
ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์เลือกวิธีต่อสู้โดยการเปิดโปงการรับส่วยน้ำกามของตำรวจ และเรื่องราวเหลวแหลกต่าง ๆ ของวงการสีกากี เป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตให้รอด เอาธุรกิจให้รอด
เป็นการต่อสู้เพราะความจำเป็นบังคับ
จิตใจไม่ยอมจำนนนั้นเรื่องหนึ่ง แต่เป็นคนละเรื่องกับการสำนึกผิดและอยากจะกลับใจเลิกราจากธุรกิจค้ากามที่ประกอบอยู่ หรือเพราะทนเห็นการคอร์รัปชั่นในวงการตำรวจไม่ได้
ต้องแยกจากกัน !
ถ้าการรื้อบาร์เบียร์ไม่อื้อฉาวเกินไป สุขุมวิท 11 ก็อาจจะมีเอนเตอร์เมนต์คอมเพล็กซ์แห่งใหม่ของชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์เกิดขึ้น การค้ากามจะเป็นส่วนหนึ่งในนั้น การจ่ายเงินให้ตำรวจจะยังคงดำเนินต่อไป ไม่มีการเปิดโปง และจะไม่มีนักการเมืองหน้าใหม่มาสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.
ตำรวจรับส่วยเลวก็จริง แต่พ่อค้าจ่ายส่วยใช่ว่าเป็นคนดี !
ก่อนหน้าปี 2546 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ต้องการจะรวยมหาศาลอย่างเงียบ ๆ ไม่เคยคิดว่าจะต้องออกมาเปิดตัวให้สัมภาษณ์สื่อเช้าเย็น แต่ความจำเป็นบังคับนอกจากทำให้เขาต้องทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำแล้ว ยังทำให้เขาพบความจริงบางอย่างอีกด้วย
ความจริงที่ว่า ความดัง นี้ขายได้ !
นอกเหนือจากชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์แล้ว ล่าสุดผมว่า น้องแนท เธอก็ค้นพบเช่นกัน
จากนักแสดงหนัง X คนหนึ่ง เธอก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงหนัง R และ ดารา ที่รายการทีวีรุมกันแย่งตัว ส่งผลให้งานชุก ค่าตัวขึ้น
ครับ หลังจากสะใจแล้วเราต้องทำใจ
ทำใจว่า ความดัง นั้นขายได้เสมอ ไม่ว่าจะดังขึ้นมาจากเหตุผลใดก็ตาม
เราต้องเตรียมการอธิบายให้ลูกหลานเราฟังด้วยว่า กาลครั้งหนึ่งเจ้าของธุรกิจค้ากามที่ร่ำรวยเพราะการทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมของศาสนาประจำชาติและการสนับสนุนการคอร์รัปชั่นของตำรวจชนะเลือกตั้งขึ้นมาเป็น พ่อเมือง ของเมืองที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรได้อย่างไร ประชากรของเมืองนั้นในวันนั้นคิดอย่างไร
เราต้องเตรียมการอธิบายให้ลูกหลานเราฟังด้วยว่า จะวางเป้าหมายในชีวิตอย่างไร หากเขาเลือกที่จะทำอะไรก็ตามขอให้ ดัง ให้ เด่น ให้ แตกต่าง ไว้ก่อน ไม่ต้องคำนึงถึงเนื้อหาสาระ แล้วความสำเร็จจะเดินมาหาเองในไม่ช้า
คุณหาเหตุผลดี ๆ ที่จะอธิบายให้ลูกหลานคุณฟังได้หรือยังครับ
ถ้ามี ลองส่งมาแลกเปลี่ยนกับผมดูบ้าง เผื่อผมจะนำไปประยุกต์เตรียมการบอกเล่ากับลูกชาย 2 คนของผมเองในอนาคต
ที่เขียนมานี้ ผมไม่ได้ตัดสินว่าชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ดีหรือไม่ดี
ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ไม่ได้ดีไม่ได้เลวไปกว่านักการเมืองคนอื่น ๆ หรอก อาจจะดีกว่าตรงที่เปิดเผยไม่ซ่อนเร้นปิดบังเสียด้วยซ้ำ
แต่ ที่ทาง ที่เหมาะสมกับเขา นอกเหนือจากตำแหน่ง พ่อเมือง ของเมืองหลวงประเทศศูนย์กลางบวรพุทธศาสนา ไม่มีอีกแล้วหรือ ?
และ ราคา ที่คนเราจะจ่ายเพื่อแลกมาซึ่ง ความสะใจ มันควรถูก-แพงแค่ไหน ??