http://news.sanook.com/crime/crime_133879.php
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 พ.ค. พ.ต.อ.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบก.ป. พร้อมชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. นำตัวนายทวีทรัพย์ หรือ ภูมิพัฒน์ หรือโอ๋ ลลิตศศิวิมล อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/132 หมู่ 6 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. พร้อมของกลาง อาทิ โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม บัตรวีซ่า สมุดเงินฝากธนาคาร ซิมการ์ด หนังสือเรื่องปล้นเหยียบเมฆ มาแถลงต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1410/2550 ลงวันที่ 2 พ.ค.2550 ในข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม จับกุมได้ที่ห้องเลขที่ 2918 ชั้น 9 อาคารวงศ์เจริญแมนชั่น หรือแกรนด์แมนดาริน ซอยลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.
พ.ต.อ.โกวิทย์แถลงว่า เมื่อกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับการร้องเรียนจากบริษัท แอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส 1 ในบริษัทผู้ให้ บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประเทศไทยว่า มีคนร้ายเจาะรหัสเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท เข้าไปแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลต่างๆ ในบัตรเติมเงิน แล้วนำไปขายให้บุคคลทั่วไปผ่านทางอินเตอร์เน็ต หลังตรวจสอบพบว่า มีบัตรเติมเงินที่ไม่ได้ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก โดยบัตรที่เพิ่มขึ้นมานั้น วงเงินในบัตรยังถูกแก้ไขสูงขึ้นเป็น 10 เท่าของวงเงินเดิม เช่น ข้อมูลเดิมบันทึกว่า มีบัตรเติมเงินราคา 100 บาท 100 ใบ จะถูกคนร้ายแก้ไขเพิ่มเติมอีก 20 ใบ โดยบัตรที่ถูกเพิ่มเติมนั้น วงเงินการใช้จะถูกเพิ่มขึ้น จากเดิม 100 บาท เป็น 1,000 บาทด้วย
หลังรับการร้องเรียน พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาการ ผบก.ป. มอบหมายให้ตน และชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. วางแผนจับกุม โดยใช้อินเตอร์เน็ตของคนร้ายเป็นเบาะแส แต่กลับถูกหลอกล่อให้ตำรวจหลงทางและเชื่อว่าคนร้ายใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มาจากร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่หลายๆแห่ง ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.จึงเริ่มสืบค้นประวัติอาชญากรคอมพิวเตอร์หลายๆรายที่เคยถูกจับกุม พร้อมใช้วิธีสืบสวนทางเทคโนโลยีต่างๆเข้าร่วมตรวจสอบ จนได้ข้อมูลเชื่อมโยงกันว่า เป็นฝีมือของผู้ต้องหารายนี้ จึงรวบรวมหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา ก่อนจับกุมได้ในที่สุด
จากการสอบสวน พ.ต.อ.โกวิทย์เปิดเผยว่า ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ ถือเป็นสิทธิของเขา แต่จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหารายนี้ ทั้งที่ไม่ได้จบการศึกษาด้านคอมพิวเตอร์ แต่กลับมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ใช้เวลาในการเจาะระบบไม่เกิน 10 นาที สามารถเข้าไปอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ ทั้งนี้ หากบริษัทเอกชนรายใดคิดว่าถูกผู้ต้องหารายนี้สร้างความเสียหาย สามารถเข้าให้ ข้อมูลทางลับกับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อขยายผลการสอบสวนต่อไป
มีรายงานด้วยว่า สำหรับนายทวีทรัพย์ แฮกเกอร์ มือทองรายนี้ เมื่อปี 2548 เคยถูก พ.ต.อ.ชวลิต แสวงพืชน์ รอง ผบก.ปศท. จับกุมได้พร้อมของกลาง ก่อนขยายผลจับกุมนายปราเมศ วิทยากร อายุ 23 ปี นายธีรภัทร อุตราภิรมย์สุข อายุ 50 ปี และนายฉัตรชัย บูรณะดิษ อายุ 25 ปี โดยนายทวีทรัพย์รับสารภาพว่า ช่วงระหว่างวันที่ 5 เม.ย.-21 ก.ค. 48 ได้ร่วมกับพวกลักลอบใช้รหัสผ่านของบริษัททรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ออเร้นจ์ เข้าไปแก้ไขวงเงินในบัตรเติมเงินออเร้นจ์ให้มีมูลค่าสูงขึ้น ทำให้บริษัทเสียหายไปกว่า 105 ล้านบาท ต้องร้องเรียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งทีมสืบสวนคลี่คลายคดีกระทั่งจับกุมได้ สำหรับคดีนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการไปแล้ว แต่ภายหลังได้รับการประกันตัวในชั้นอัยการ ขณะรอการพิจารณาคดียังก่อคดีซ้ำอีก
มีรายงานด้วยว่า จากคดีดังกล่าว ทำให้นายทวีทรัพย์ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะ แฮกเกอร์มือ 1 ของไทย เนื่องจากมีนักเขียนชาวต่างชาตินำไปเขียนเป็นกรณีศึกษาในหนังสือชื่อ ปล้นเหยียบเมฆ โดยจัดอันดับคดีของนายทวีทรัพย์ เป็นอันดับที่ 3 นอกจากนี้ยังมีการกล่าวอ้างด้วยว่า นายทวีทรัพย์นั้นเคยทดลองวิชาด้วยการเจาะระบบธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง และเคยทดลองเจาะระบบองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ องค์การนาซามาแล้ว แต่ยังไม่มีการยืนยันว่านายทวีทรัพย์ สามารถเจาะระบบได้หรือไม่
วันเดียวกัน บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส ได้ออกแถลงการณ์ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม กรณีการเข้าจับกุมแฮกเกอร์เจาะรหัสบัตรเติมเงินของเอไอเอส โดยระบุผลความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบริษัทในครั้งนี้ รวมมูลค่าประมาณ 8 ล้านบาทเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กรณีปัญหาการเข้าเจาะฐานข้อมูลบัตรเติมเงินครั้งนี้ ทันทีที่ทราบปัญหาและความผิดปกติที่เกิดขึ้น ได้ขอความร่วมมือไปยังตำรวจกองปราบปราม เพื่อสืบค้นจนสามารถรู้ตัวผู้กระทำความผิด และเข้าจับกุม ขอยืนยันในความปลอดภัยในการให้บริการ สามารถตรวจสอบความผิดปกติ จนดำเนินการแก้ไขและป้องกันได้ภายในระยะเวลาอันสั้น