สามารถเตรียมขาย"บีบี"ไตรมาส3
พิษการเมืองไม่กระทบกลุ่มสามารถ ไตรมาสแรกโตยกกลุ่ม โชว์กำไรสุทธิโต 240% สามารถเทลคอมตัวชูโรง พร้อมเดินสายกวาดงานประมูลภาครัฐเพียบ มั่นใจไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง ประกาศปรับแผนการตลาดขายเครื่องต่างประเทศใหม่ ตัดประเทศไม่สร้างรายได้ เน้นประเทศที่ทำเงิน พร้อมตั้งเป้ามีลูกค้า 3GX แตะแสนราย เผยอยู่ระหว่างเจรจาผู้ผลิตบีบีหรือแบล็กเบอรี่ คาด 1 เดือนจบ เตรียมวางขายบีบี 3G ปลายไตรมาส 3
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด จะเห็นได้จากผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1 ยังเติบโตได้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะธุรกิจประมูลติดตั้งงานระบบสารสนเทศและการสื่อสารให้กับหน่วยงานภาครัฐของบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) ที่ทำรายได้ให้กลุ่มถึง 80% ของรายได้รวมทั้งหมด
โดยไตรมาส 1 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 4,533 ล้านบาท โตขึ้น 19 % จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 149 ล้านบาท เติบโตถึง 240 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนทิศทางในไตรมาส 2 เชื่อว่ากลุ่มบริษัทจะมีรายได้เติบโตมากกว่าไตรมาส 1 โดยเฉพาะในส่วนของ SAMTEL ที่จะรับรู้รายได้จากโครงการไอพีบรอดแบนด์ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ที่เซ็นต์สัญญาดำเนินโครงการไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้นรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 สูงถึง 1,000 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถเซ็นต์สัญญาในโครงการใหม่ในไตรมาสดังกล่าวอีกกว่า 1,500-1,800
ล้านบาท
สำหรับบริษัท ไอโมบาย ไตรมาส 2 คาดรายได้จากคอนเทนต์จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าไตรมาส 1 เนื่องจากมีมหกรรมบอลโลกเข้ามาเป็นตัวกระตุ้น ประกอบกับบริษัทมีแผนวางจำหน่ายเครื่องไอโมบายรุ่นใหม่ จำนวน 20 รุ่น เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาด โดยจะมีการวางจำหน่ายเครื่องแอนดรอยด์ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่เพื่อรองรับบริการ 3GX ที่ไอโมบายเป็น MVNO ให้กับทีโอที
นอกจากนี้ ธุรกิจจำหน่ายเครื่องในต่างประเทศยังจะมีการปรับรูปแบบการทำตลาดใหม่โดยจะเน้นออกสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละประเทศ และมุ่งเน้นจำหน่ายเฉพาะประเทศที่สร้างรายได้เท่านั้น
อย่างไรก็ดี ในแง่รายได้จากธุรกิจอื่น เช่น ธุรกิจคอลเซ็นเตอร์กำลังจะได้เซ็นต์สัญญาในโครงการใหม่ซึ่งมีมูลค่าราว 400 ล้านบาทในไตรมาส 2 และจะได้โครงการใหม่จากการติดตั้ง CCTV อีกประมาณ 150-200 ล้านบาท
นายธนานันท์ วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอโมบาย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา นำโทรศัพท์แบล็กเบอรี่ มาจำหน่ายในประเทศไทย คาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในอีก 1 เดือนข้างหน้าเพื่อจะนำมาจำหน่ายในปลายไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งเครื่องที่จะนำมาจำหน่ายจะเป็นเครื่องที่รองรับ 3G เท่านั้น เพราะต้องการมาจำหน่ายพร้อม ซิมการ์ดของ 3GX ที่จากปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 70,000 เลขหมาย และมีเป้าหมายเพิ่มเป็น 100,000 เลขหมายในไตรมาส 2 เพื่อให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ต่อไป
ส่วนตลาดต่างประเทศไอโมบายมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดใหม่ โดยจะให้ความสำคัญเฉพาะตลาดที่ทำรายได้ให้บริษัท ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย โดยจะตัดประเทศที่ไม่สร้างรายได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ตัดประเทศเวียดนามออกไป และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาตัดประเทศบังคลาเทศออกไปเนื่องจากนิยมซื้อแต่เครื่องราคาถูกทำให้บริษัทมีกำไรน้อยมาก
“ในตลาดต่างประเทศมาเลเชียเป็นประเทศที่ทำรายได้ดีที่สุด เพราะประชาชนมีกำลังซื้อสูง และไอโมบายยังเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักของแบล็กเบอรี่ร่วมกับผู้ประกอบการมือถือในมาเลเซียด้วย”
ทั้งนี้ในไตรมาส 1 ไอโมบายมียอดขายเครื่องทั้งในและต่างประเทศรวม 8.3 แสนเครื่อง ทำให้มีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น 30% สำหรับยอดขายทั้งในและต่างประเทศทั้งปีตั้งเป้าไว้ 3.5 ล้านเครื่อง
นายไพโรจน์ วโรภาษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สามารถ คอร์ป กล่าวว่า ปีนี้สามารถเทลคอมตั้งเป้ามีรายได้ 8,000 ล้านบาท เพราะสามารถรับรู้โครงการประมูลขนาดใหญ่หลายโครงการ โดยไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีรายได้ 1,732 ล้านบาทเติบโตขึ้น 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิเติบโตถึง 300% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 93 ล้านบาท