แอปเปิลโต้ ยอดแอนดรอยด์แซงไอโฟนแค่ชั่วคราว
แอปเปิลยังเชื่อยอดไอโฟนยังไม่ตก อ้าง"เอ็นพีดี กรุ๊ป"แสดงส่วนแบ่งการตลาดของแอนดรอยด์ในสหรัฐฯ เพียงแค่ส่วนเดียวทำให้ดูเหมือนว่าแอนดรอด์สามารถแซงแอปเปิลไปได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2553 แอปเปิลย้ำตัวเลขการสำรวจของไอดีซีในยอดขายทั่วโลกยังโตอย่างต่อเนื่อง จวกงานวิจัยนี้ไม่ได้บอกถึงปัจจัยโดยรวมในตลาดสหรัฐฯ
หลังจากที่บริษัทวิจัยการตลาด เอ็นพีดี กรุ๊ป (NPD Group) แสดงส่วนแบ่งการตลาดของแอนดรอยด์ว่าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 28% ขณะที่ไอโฟนอยู่ที่ 21% ส่วนอันดับ 1 ยังคงเป็น อาร์ไอเอ็ม จากส่วนแบ่งการตลาดของแบล็กเบอรี่ 36% ทางแอปเปิลได้ออกมาตอบโต้ว่า ตัวเลขดังกล่าววิจัยจากกลุ่มตัวอย่างเพียงแค่ 150,000 คน ผ่านการสำรวจออนไลน์
นาตาลี แฮรีสัน (Natalie Harrison) โฆษกของทางแอปเปิล ออกมาให้ข้อมูลว่า การสำรวจล่าสุดของไอดีซี จากส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกนั้น ไอโฟนมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 16.1% ทำให้เห็นว่ายอดขายของไอโฟน น้อยลงเพียงแค่ในตลาดสหรัฐฯเท่านั้น แต่ในตลาดโลกยังมีการเติบโตอยู่อย่างต่อเนื่อง
“การสำรวจดังกล่าวเกิดขึ้นจากกลุ่มตัวอย่างเพียงแค่ 150,000 คนในสหรัฐฯเท่านั้น แต่ไม่รวมถึงผู้ใช้ไอโฟน และไอพอดทัช กว่า 85 ล้านคนทั่วโลก เพราะยอดการเติบโตทั่วโลกเมื่อเทียบกับไตรมาส1 ปีที่ผ่านมา พบว่าแอปเปิลมียอดจำหน่ายสูงขึ้นถึง 131%”
นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลว่า ที่ยอดจำหน่ายในสหรัฐฯของแอปเปิล โดนแอนดรอยด์แซงนั้นเกิดจากการที่ไอโฟน ถูกจำหน่ายผ่าน เอทีแอนด์ที (AT&T) เพียงรายเดียวเท่านั้น ในขณะที่แอนดรอยด์วางจำหน่ายในทุกๆโอเปอเรเตอร์ รวมไปถึงการที่ไอโฟน เพิ่งวางจำหน่ายเพียงแค่ 3 รุ่นเท่านั้น ขณะที่แอนดรอยด์มีผู้เล่นหลักอย่างเอชทีซี และโมโตโรลา มาช่วยกันทำตลาด
รวมกับการที่เวอร์ไรซอน (Verizon) ได้มีการทำโปรโมชันซื้อหนึ่งแถมหนึ่งกับสมาร์ทโฟนทุกตัวในเครือข่าย ทำให้ยอดจำหน่ายสูงขึ้นกว่าความเป็นจริง แต่อย่างไรก็ตาม นาตาลีเชื่อว่าถ้าระบบปฏิบัติการไอโฟนเวอร์ชัน 4.0 ที่จะมาในช่วงหน้าร้อนนี้ มีการทำตลาดอย่างเป็นทางการ แอปเปิลก็จะสามารถแซงหน้าแอนดรอดย์ขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง