ตราบใดที่ยังมีอินเตอร์เน็ต...เราก็ยังโตได้ใช่ป่าว

ตราบใดที่โลกนี้ยังมีอินเตอร์เน็ต มนุษย์ต้องการข้อมูล ผู้ประกอบการเว็บโฮสติ้งอย่างเราๆ ก็ยังโตได้ใช่หรือป่าวครับ เพราะข้อมูลมีเพิ่มขึ้นทุกวันๆ หรือพี่ๆ คิดว่ายังไงคับ พอดีว่าอยากทราบวิสัยทัศน์ของแต่ละท่าน เกี่ยวกับธุรกิจนี้ค้าบ :dunce:

ต้องถามตัวเองครับ ว่าทำไมถึงใช้อินเทอร์เน็ต ใช้แล้วได้ประโยชน์อะไรบ้าง ถ้าไม่ใช้ จะเสียเปรียบคนอื่น/คู่แข่ง/ฯลฯ ยังไงบ้าง แล้วก็จะตอบได้ครับ ว่ายังโตได้หรือไม่

สิ่งหนึ่งก็คือ ผมไม่เชื่อว่า ธุรกิจโฮสติ้งจะตาย หดลง ฯลฯ ไป ไม่เชื่อว่าจะถูก control โดยผู้เล่นรายใหญ่

ผมก็คิดเหมือนกันนะ ว่ายังไง บริการ hosting มันก็ยังคงอยู่ ตราบใดที่ต้องมีเว็บกัน
หรือ จนกระทั่ง อินเตอร์เน็ทความเร็วจะสูงมากขึ้น จนกระทั้ง สามารถวาง server กันได้
ที่บ้านใครบ้านมัน หรือ บริษัทใครบริษัทมัน

ส่วนผมเอง ลูกค้า hosting ไม่มาก แต่ตอนนี้ เน้นทำเว็บให้ลูกค้า พร้อมใช้ hosting ตัวเองไปด้วย
เลยเหนื่อยหน่อย เห็น คุณ pizzaman มาเสนอ ก็อยากรับนะ แต่ไม่ไหวแล้ว ของเก่ายังไม่สร็จ
แล้วจะมารับของใหม่นี้ก็เหนื่อย แถม ผมทำเร่งๆ ไม่เป็นเสียด้วยครับ

ผมเห็นว่าตลาดกำลังเลยช่วง Early Adopter และ Website กำลังกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจเหมือนที่ปัจจุบันธุรกิจจำเป็นต้องมี Fax โดยเฉพาะตลาด SME ผมเห็นว่าเป็น opportunity มากๆเลย ไม่ว่านโยบายรัฐบาลที่สนับสนุน SME หรือตัว product เอง (web hosting) ซึ่ง mature ขึ้นมาก ธุรกิจขนาดเล็กมีความรู้และความต้องการในเรื่องเว็บไซต์ค่อนข้างสูง ปัญหาหลักที่ผมเห็นมีอยู่สองอย่างคือ

  1. web hosting ที่ไม่ได้ทำเป็นธุรกิจจริงจัง ทำเป็นงานอดิเรก และไม่ได้ plan ที่จะอยู่ยาว ตั้งราคาโดยไม่ได้คำนึงถึงต้นทุนที่แท้จริงเลย มีอย่างที่ไหน ค่าบริการปีละ 600 บาท (เดือนละ 50 บาท) ถ้าทั้งปีหาลูกค้าได้ 100 ราย รายได้ทั้งปีแค่ 60,000 บาท (ไม่แน่ใจว่ากดเครื่องคิดเลขผิดหรือเปล่าเนี่ย ยังไม่พอค่าเงินเดือนพนักงานเลย) ปัจจุบันค่าเช่า dedicated ที่ว่าถูกๆก็ยังปาเข้าไปตั้ง 99$ x 12 x 42 = 49,896 เข้าไปแล้ว ยังไม่รวมค้า operating cost เลย กินแกลบกันหรือไงก็ไม่ทราบ แถมลูกค้าปัจจุบันก็ยิ่งชอบ ไม่ได้คิดกันเลยว่ามันเป็นไปได้ยังไง ผมยืนยันว่าของดีราคาถูกในโลกนี้ไม่มีหรอก

  2. ปัญหาขาดแคลนเว็บดีไซน์เนอร์ (ผมพูดถึง professional ไม่ได้หมายถึงเด็ก ม.1 ที่ใช้ DreamWeaver ได้) ซึ่ง SME ไม่มีปัญญาจ่ายค่าทำเว็บทีนึงหลายๆหมื่นได้ ทำให้มีธุรกิจขนาดเล็กอีกหลายรายยังรีรอที่จะเปิดเว็บไซต์ของตัวเอง หรืออาจจะเปลี่ยนความคิดไปใช้บริการ Ecommerce package ที่ให้โหลดรูปสินค้าและตั้งราคาขึ้นไปขายได้เลยแบบที่เห็นให้บริการกันเยอะแยะ

ผมว่าทางออกอันนึงสำหรับข้อ 2 คือ web hosting กับ web designer น่าจะ partner กันให้มากๆหน่อย เพื่อเสนอเป็น solution ให้ลูกค้า ไม่ว่าลูกค้าจะติดต่อมาทาง hosting หรือทาง designer เพราะสำหรับลูกค้าแล้ว ไม่รู้ความแตกต่างของ web hosting กับ web designer หรอก เขารู้เพียงว่าเขาต้องการมีเว็บไซต์โดยมีงบประมาณอยู่ในใจ คุณต้องทำให้เขาให้เสร็จ ตั้งแต่ออกแบบ จัดทำเว็บไซต์ เอาขึ้นไปบน Internet (บางรายยังต้องคอย update ข้อมูลเว็บไซต์ให้เขาอีก หนักกว่านั้นก็มี คือให้เช็คอีเมล์แล้ว fax มาให้ด้วยก็มี :slight_smile: ) ดังนั้นผมจึงอยากเห็นการเป็น partner กันระหว่าง webhosting กับ design shop มากกว่านี้

ส่วนปัญหาข้อ 1 ยังไม่มี idea ว่าจะแก้ยังไง อาจจะต้องรอให้ตลาดโตกว่านี้ จนกว่าผู้บริโภคจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร หรืออีกทางหนึ่งก็คือ ช่วยๆกันให้ความรู้กับผู้บริโภคว่าจริงๆแล้วต้นทุนการให้บริการ web hosting มันไม่ต่ำขนาดที่คุณคิดค่าบริการ 600 บาท/ปีได้

ไม่ทราบว่าท่านอื่นเห็นว่าอย่างไรครับ

อย่าว่าแต่โฮสปีละ 600 บาทเลยค่ะ ค่าโฮสปีละ 1,200 บาท ก็ไม่ไหว
ถ้ามาเฉลี่ยค่าโฮสว่า เดือนละ 100 บาท จะต้องมีจำนวนโฮสกี่โฮสคะ
จึงจะพอคุ้มจ่ายค่าวาง server, ค่า Admin ถูกๆ สักคน (เงินเดือนสัก 15,000 เอ๊า)
ค่าโทรศัพท์เพื่อเช็คเมล รับสาย, ค่า connection internet, แล้วยังค่าทำบัญชี ฯลฯ

เข้าใจว่าคนทำโฮสราคาต่ำกว่าพันเนี่ย คงไม่เน้นลูกค้าองค์กร
อาจจะจับกลุ่มลูกค้ามือใหม่หัดทำเว็บ ซึ่งพร้อมจะถอดใจหยุดทำเว็บง่ายๆ เช่นกัน
ฉะนั้น เพื่อให้ถูก บางที Admin ก็ไม่ต้องมี Backup ก็ไม่จำเป็น …

ขนาดผมเป็น reseller แท้ๆ ผมยังเก็บต่ำสุด 2400 ต่อปีเลยครับ แต่ไม่ค่อยมีลูกค้าแบบนี้อะ จะมีแบบเดือนละ 400 บาทขึ้นไปมากกว่า ไม่เข้าใจเหมือนกัน เราก็ว่าเราลดลงมาสู้แล้ว แล้ว ลูกค้าไม่ตื่นตัว 5555555555555

เรื่องราคาอันนี้ผมเคยทดสอบแล้ว ว่าไม่มีผล
บางเดือน งดค่า setup ให้ตลอดเดือน ลูกค้าใหม่เพิ่มเท่ากับที่เก็บค่า setup พอมาเก็บใหม่ ก็เหมือนเดิม ไม่ต่างกันเลย
ไปๆมาๆ สรุปได้ว่า ขึ้นกับจังหวะคนหาโฮสต์ครับ ถ้าเขากำลังหา ได้จังหวะ แล้วเห็นเว็บเรามานาน ถูกใจ เขาก็ซื้อเลย ไม่ต้องต่อไม่ต้องคิดมาก ปรับราคาไป ไม่มีประโยชน์ เอารายได้ไปปรับปรุงคุณภาพ และบริการ ดีที่สุด แล้วในที่สุด ตลาดจะได้เห็นว่า คนทำจริงก็มี