มาร่วมลงชื่อสร้างความตื่นตัว และประชาสัมพันธ์ต่อๆ ด้วยค่ะ

ในการที่จะทำให้โครงการนี้ได้จุดประกาย จำเป็นต้องได้ชื่อถึง 500,000 ชื่อค่ะ
ถ้าใครสนใจ ที่จะมีส่วนร่วมในการต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อสตรี่
เข้ามาอ่านรายละเอียดในเว็บนี้ แล้วลงชื่อตามสมัครใจค่ะ
และถ้าเห็นด้วย ก็ฝากข่าวด้วยค่ะ http://novaw.in.th


ด้วยทรงตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อสตรีและเด็ก พระเจ้า หลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา จึงทรงรับเป็นทูตสันถวไมตรีให้กับกองทุนการพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเฟม) ในโครงการ Say NO To Violence against Women ประเทศไทย เพื่อกระตุ้นให้สังคมไทยได้ร่วมกันยุติความรุนแรงและล่วงละเมิดต่อสตรีและ เด็ก โดยเสด็จไปทรงรับเป็นองค์ทูตสันถวไมตรี พร้อมทรง ลงพระนามในการ์ดต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิง ที่ศูนย์ การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันศุกร์ (5 ก.ย.) ที่ผ่านมา

ดร.จีน เดอคูน่า ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ กองทุนการพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเฟม) กล่าวว่า ยูนิเฟมรู้สึกสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์ เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงตอบรับเป็นทูตสันถวไมตรีในโครงการและการรณรงค์ Say NO To Violence agints women ในประเทศไทย โดยโครงการนี้เป็นการรณรงค์ให้ผู้สนใจลงชื่อทางอินเตอร์เนต เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวและระดมทุนสนับสนุนการดำเนินการ ซึ่งยูนิเฟมจะต้องรวบรวมรายชื่อให้ครบ 5 แสนชื่อ เพื่อทำการส่งมอบลายเซ็นทั้งหมดแก่นายคี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ในโอกาสวันรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ในวันที่ 25 พ.ย. 2551 นี้

ผอ.ยูนิเฟมยังกล่าวอีกว่า ในฐานะองค์กรหลักของสหประชาชาติที่มีภารกิจ ในการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและการสร้างพลังแก่ผู้หญิง รู้สึกชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ที่ทรงริเริ่มโครงการกำลังใจขึ้นมา เพื่อประทานความช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้ต้องขังสตรีและเด็กที่ติดแม่มา ในทัณฑสถานต่างๆ นอกจากนี้ ยังประทานความช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ต้องขังกลับตัวเป็นพลเมืองดีภายหลังจาก พ้นโทษแล้ว จากความประทับใจในพระกรณียกิจที่ทรงช่วย เหลือผู้ด้อยโอกาสที่สุดกลุ่มหนึ่งในสังคมไทย และรู้สึกชื่นชมที่ทรงดำริว่าการเคารพสิทธิของบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ ดังจะเห็นได้จากโครงการกำลังใจในพระดำริ ได้รับเชิญ ไปจัดนิทรรศการระหว่างการประชุมสมัยที่ 17 ของคณะกรรมาธิการว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อเดือน เมษายนที่ผ่านมา

ในโอกาสนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา มีพระดำรัสตอนหนึ่งว่า ทรงรู้สึกชื่นชมในการเป็นหุ้นส่วนระยะยาวของประเทศไทย และยูนิเฟมในการปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีใน ทุกรูปแบบ ความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อสังคมโดยรวม ปัญหานี้เป็นเรื่องของส่วนรวมทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงต้องทนทุกข์ทั้งทาง ด้านร่างกาย สุขภาพและจิตใจ และมีข้อมูลจำนวนมากชี้ให้เห็นว่า สังคมต้องแบกรับต้นทุนทางเศรษฐกิจ สังคม ของความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อผู้หญิงและเด็ก เรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์สากล ไม่จำกัดเฉพาะสังคมใดสังคมหนึ่งเท่านั้น และที่สำคัญความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงไม่ได้เป็นการกระทำ แบบสุ่มๆ แต่เป็นการกระทำที่มีรากฝังลึกมาจากทัศนคติของสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งทำให้เกิดความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างหญิง และชายในสังคมหลายที่ รวมทั้งในประเทศไทย

พระองค์ภารับสั่งอีกว่า ความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จำเป็นต้องมีการแก้ไขอย่างนุ่มนวลแต่แข็งขัน เพื่อนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงต่อทัศนคติและพฤติกรรมของคนในสังคม การยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็กเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ซึ่งต้องใช้วิธีการแก้ปัญหาจากทุกๆภาคส่วนจากสหวิชาชีพ และรวมถึงความตั้งใจจริงของทุกๆฝ่ายในสังคม ในประเทศไทยมีความก้าวหน้าที่ค่อนข้างน่าพอใจ ในการแก้ปัญหานี้อย่างเป็นระบบ ล่าสุดมีการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ซึ่งถือเป็นก้าวที่สำคัญ อย่างไรก็ดี การบังคับใช้กฎหมายต่างๆ เป็นภารกิจที่สำคัญและท้าทายยิ่ง บุคลากรในระบบยุติธรรมไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการและผู้พิพากษา ต้องมีความเข้าใจกฎหมายชัดเจน พร้อมกันนี้ต้องมีความตระหนักถึงมิติทางเพศ ความแตกต่างระหว่างผู้ชายและผู้หญิง ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องนี้เราต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่ให้ทุกภาคส่วนเข้ามาเกี่ยว ข้องที่สำคัญไม่แพ้กัน ต้องมีการให้ความรู้ ความตระหนักและเข้าใจในหมู่สาธารณะ ในเรื่องความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก รวมถึงการทำงานกับเครือข่ายเยาวชนที่จะเป็นรากฐานสำคัญในอนาคต โดยดึงให้เยาวชนมามีส่วนร่วมในโครงการต่างๆ

นอกจากนี้ พระองค์ภายังรับสั่งถึงโครงการกำลังใจว่า โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายให้โอกาสและสนับสนุนผู้ต้องขังหญิงที่ท้อง และผู้ต้องขังหญิงที่มีเด็กติดในการฟื้นฟูดูแลสุขภาพรวมถึงฝึกวิชาชีพ โครงการนี้ยังส่งเสริมให้คนไทยในสังคมให้โอกาสกับอดีตผู้ต้องขัง ซึ่งได้สร้างทัศนคติใหม่ในการเป็นพลเมืองดีในสังคม พร้อมกันนี้รับสั่งอีกว่า ทรงเชื่อมั่นว่าถ้าพวกเราทุกฝ่ายร่วมมือกับโครงการยูนิเฟม ลายเซ็นจำนวนมากจากคนไทยจะแสดงพลังน้ำเสียงในการเป็นหนึ่งเดียวของไทย ต่อการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง แต่การเซ็นลายชื่ออย่างเดียวไม่เพียงพอ การเซ็นต้องเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ พฤติกรรมและวิธีปฏิบัติของผู้ชาย ผู้หญิง ของเด็กชาย เด็กหญิง การปฏิบัติของนโยบาย กฎหมายและโครงการต่างๆ แต่เราจะทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งนับเป็นภารกิจท้าทายที่เราทุกคนต้องร่วมมือกัน.

ขอสนับสนุน 1 เสียงครับ

ตอนนี้

We now have 13690 campaign participants.

พี่ช่วยลุ้นหน่อยสิคะ ตั้ง 5 แสนชื่อ เอิ๊กกก
mission impossible หรือเปล่าเนี่ย

เพิ่งสังเกต เว็บ http://nowaw.in.th เป็น frame
เว็บแท้จริงคือ http://unifem-eseasia.org/thailand/notoviolence/ ค่ะ

url แรก เข้าไม่ได้ครับ แต่ url ที่สอง เข้าได้

อ่อ…ดูเหมือนพี่หมวยจะพิมพ์ url ผิดน่ะ

ว่าแต่ ก็เข้าไม่ได้เหมือนกันแหะ

lol

ตอนแรกเข้าได้หมดนะคะ

1 เสียงช่วยลดความรุนแรงให้กับสตรีได้ … ก็ยัง งงๆ อยู่เหมือนกันว่าจะช่วยได้ยังไง คุณวิ ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยนะครับ

เซ้นต์ว่าเห็นด้วย แล้วก็ช่วยกันเปลี่ยนแปลงทัศนคติทั้งหญิง และชาย เด็ก เรื่องความรุนแรงนะคะ มันเป็นค่านิยม เป็นรากทางทัศนคติอันยาวหลายหลายพันปี
กดขี่ผู้หญิง ทำร้ายผู้หญิงและเด็กหญิง

ตอ้งช่วยกันรณรงค์ผู้หญิงเองด้วย
เพราะผู้หญิงเองถ้าไม่ช่วยก็ยาก เพราะเป็ฯแม่ ถ้าอบรมลูกให้มีทัศนคติด้านความรุนแรงที่สอนให้กระทำต่อ ญ ก็จะเพาะบ่มเด็กที่โตมาให้ใช้ความรุนแรง
ต้องรณรงค์กันหมดทุกภาคส่วน งานหิน

เคยอ่านประเทศอะไรจำไม่ได้แล้ว แถบคนดำ

ค่านิยม ญ บริสุทธิ์เมื่อหญิงเข้าสู่วัยสาว ต้องทำพิธีแสดงความเป็นสาว โดยการเย็บช่องคลอดให้เล็กสุดๆ แทบจะปิด เพื่อป้องกันหญิงสาวมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน
แต่งงานเมื่อไหร่ก็ถึงจะได้ไปผ่าในวันแต่งงาน
เจ้าบ่าวใจดีหน่อยก็รอ 3 วันถึงเข้าหอ ใจร้ายหน่อยก็ไม่รอ เข้าหอหลังจากผ่าเสร็จเลย

ปลูกฝังการมานานจนแม้แต่เด็กสาวเองก็รอคอยวันเย็บกันเลยทีเดียว เย็บแล้วถือว่าเป็นสาวแล้ว
ใครไม่เย็บนี่ถือว่าเด็กหญิง โดนดูถูก พ่อแม่นะต้องลาก บังคบพาไปเย้บถ้าเด็กสาวคนไหนไม่ยินยอม บางคนโชคดีไม่เป้นอะไร บางคนเป็นมะเร็ง เพราะระบบภายในมันไม่ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างปกติสะดวก เกิดมีชิ้นส่วนตกค้าง

ค่านิยมที่ทำร้ายผู้หญิงชัดๆ ค่ะ

หรือที่อินเดีย
หญิงสาวแม้กระทั่งโดนเพื่อนพี่ชายน้องชาย เพือ่นญาติฝ่ายชายข่มขืน จะถูกทำร้ายร่างกายและขับไล่ออกจากตระกูล คนในตระกูลถือเป็นความอัปยศที่ถูกข่มขืน แม้กระทั่งแม่เองก็เห็นดีด้วย
ช่วยกันทำร้ายขับไล่
ญ สาวหลายคนโดนข่มขืนไม่พอ โดนทำร้ายจนพิการหรือแม้แต่เอาน้ำกรดสาดหน้า
ข้อหาที่โดนข่มขืน

บางรายโดนคนในครอบครัวข่มขืน แต่ความผิดมาตกที่หญิงฝ่ายเดียว

เข้าไปร่วมลงชื่อเรียบร้อยแล้วครับ … ต่อไปผู้ชายทุกคน ห้ามกดขี่ผู้หญิง เป็นอันขาด … แต่ถ้าจะให้ผู้หญิงกดขี่ อันนี้ก็ไม่ว่ากัน

[quote author=siamwebhost link=topic=13744.msg134281#msg134281 date=1222366974]
เข้าไปร่วมลงชื่อเรียบร้อยแล้วครับ … ต่อไปผู้ชายทุกคน ห้ามกดขี่ผู้หญิง เป็นอันขาด … แต่ถ้าจะให้ผู้หญิงกดขี่ อันนี้ก็ไม่ว่ากัน

ว่าแต่ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันสักทีละครับคุณวิ นี่ก็รู้จักกันมาจะสองปีแล้วนะครับ หรือว่าต้องให้คุณหมวย กับพี่ธี มาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย ในวันที่เราได้ันัดพบกันครั้งแรก

1 เสียง

[quote author=siamwebhost link=topic=13744.msg134284#msg134284 date=1222367255]
ว่าแต่ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันสักทีละครับคุณวิ นี่ก็รู้จักกันมาจะสองปีแล้วนะครับ หรือว่าต้องให้คุณหมวย กับพี่ธี มาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย ในวันที่เราได้ันัดพบกันครั้งแรก

ไม่เคยใช้ความรุ่นแรงกับสตรี

เดี๋ยวติด banner หน้าเว็บให้ครับ น่าจะได้อีกหลายเสียง

ช่วยๆ กันค่ะ ขอบคุณทุกท่าน

We now have 13757 campaign participants.

ไม่ได้อ่านรายละเอียด ขี้เกียจอ่าน
แค่เห็นว่าโครงการนี้ใครทำก็พอ

We now have 14007 campaign