Microsoft ใน SEA กำลังไปได้สวย ด้วย Windows เอื้ออาทร
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2547 15:21 น.
บทเรียนที่ไมโครซอฟท์ได้จากโครงการคอมพิวเตอร์เอื้ออาทรคือ โอกาสสู่ความสำเร็จในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
ขณะที่กำลังมีปัญหาอย่างหนักกับรัฐบาลทั้งฝั่งอเมริกาและยุโรป แต่กับกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ SEA (South East Asia) แล้ว ดูเหมือนไมโครซอฟท์กำลังเนื้อหอมและกำลังมาแรงทีเดียว
แกรนต์ เพ็ค (Grant Peck) นักเขียนของสำนักข่าวเอพี (AP) วิเคราะห์สถานะปัจจุบันของบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
[b]ไมโครซอฟท์ได้รับการตอบรับอย่างดีจากรัฐบาลของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยข้อเสนอที่พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้ เช่น การลดราคาระบบปฏิบัติการ Windows ลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดๆ [color=red]ถูกชนิดที่เรียกว่าไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเป็นไปได้ และไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การทำธุรกิจของไมโครซอฟท์ เป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์[/color][/b]
ผู้บริหารไมโครซอฟท์ปิ๊งไอเดีย Windows ราคาประหยัดขึ้นมาครั้งแรกเมื่อปี 2003 กับโครงการคอมพิวเตอร์เอื้ออาทร ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือกระทรวงไอซีที ของประเทศไทย มาปีนี้ นโยบายดังกล่าวถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง กับโครงการคอมพิวเตอร์เอื้ออาทรของประเทศมาเลเซีย
[b]ไมโครซอฟท์มองว่า นี่คือตลาดใหม่ เป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง[/b]
จากโครงการ Windows ราคาประหยัดซึ่งก็คือ Windows XP เวอร์ชั่นภาษาท้องถิ่นที่ไม่ซัพพอร์ตภาษาอังกฤษ มาวันนี้ไมโครซอฟท์มีโครงการ "XP Lite" ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ Windows XP ที่ถูกตัดฟีเจอร์บางอย่างออกไป แต่ยังคงเพียงพอและเหมาะสมสำหรับผู้ใช้ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่ไม่ได้พึ่งเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันมากนัก
ผู้บริหารไมโครซอฟท์ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ "XP Lite" โดยให้เหตุผลว่าอาจส่งผลกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของบริษัท แต่สามารถคุยกันในเรื่องคอนเซ็ปต์ได้
[b]"นี่คือตลาดใหม่ ที่ดีมานด์ค่อนข้างหลากหลาย มีปัจจัยกระทบหลายอย่าง ทั้งด้านเศรษฐกิจ, สังคม และเทคนิค"[/b] แบร์รี่ กอฟฟ์ (Barry Goff) ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ กลุ่มผลิตภัณฑ์กวินโดว์สไคลเอนต์ บริษัทไมโครซอฟท์ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพี (AP)
ราคาจะถูกกำหนดตามหลักภูมิศาสตร์ นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ในอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น ยาในอาฟริกาจะมีราคาถูกกว่าในอเมริกามาก เช่นเดียวกับบิ๊กแม็คของแม็คโดนัลด์
[b]แต่สำหรับวงการซอฟต์แวร์ มันเพิ่งเริ่ม กลยุทธ์ "one-price-fits-all" กำลังจะถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
นอกเหนือจากไมโครซอฟท์แล้ว บริษัทซิมแมนเทค (Symantec Corp) ก็เพิ่งคลอด Norton Antivirus เวอร์ชั่นภาษาไทยออกสู่ตลาด ในราคาที่ถูกกว่าเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกว่าครึ่ง[/b]
เมื่อต้นเดือน บริษัทซันไมโครซิสเต็มส์ (Sun Microsystems Inc) ก็ประกาศเริ่มโปรแกรมพิเศษสำหรับรัฐบาลประเทศต่างๆเช่นกัน
"ที่เรากำลังเห็น คือเทรนด์ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น" โจ วิลค็อกซ์ (Joe Wilcox) นักวิเคราะห์อาวุโสจากจูปิเตอร์รีเสิร์ช (Jupiter Research) กล่าวและว่า "หลายบริษัทกำลังโยนหินถามทาง แต่มันต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพราะเหตุผลด้านการแข่งขัน"
[b]ส่วนไมโครซอฟท์ พวกเขาเริ่มมาได้ปีนึงแล้ว[/b]
ตัวอย่างนโยบาย "one-price-fits-all" ของไมโครซอฟท์ก็เช่น ที่ภาคเหนือของประเทศไทย ที่วินโดว์สมีราคาเท่ากับที่นิวยอร์ก แต่มีบางอย่างกระตุ้นให้ไมโครซอฟท์ต้องเปลี่ยนแผน นั่นคือความไม่ศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วๆไปหรือโฮมยูสเซอร์ส่วนใหญ่หันไปนิยมซอฟต์แวร์เถื่อนมากกว่าซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์
เมื่อครั้งที่กระทรวงไอซีทีของไทยริเริ่มโครงการคอมพิวเตอร์เอื้ออาทรเพื่อกระตุ้นการใช้งานคอมพิวเตอร์ของประชากรทั่วประเทศนั้น นโยบายของรัฐบาลชัดเจนว่าคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลจะต้องมีราคาต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้ ประชาชนทุกระดับต้องสามารถเอื้อมถึง ขณะเดียวกันเอกชนก็ต้องไม่ขาดทุน
ราคาถูกกำหนดไว้ที่ 10,500 บาท และเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีต้นทุนไม่เกิดระดับราคาดังกล่าว ก็จำเป็นที่ซอฟต์แวร์จะต้องมีราคาถูกลงมา ดังนั้นทางรัฐบาลไทยจึงขอความร่วมมือไปยังไมโครซอฟท์
[u][b]แต่ ... ไมโครซอฟท์ปฏิเสธ[/b][/u]
รัฐบาลไทยไม่ยอมแพ้ เริ่มทำตลาดคอมพิวเตอร์เอื้ออาทรในเดือนพฤษภาคม 2003 โดยหันไปคบกับระบบปฏิบัติการลีนุกซ์เวอร์ชั่นภาษาไทย (ลีนุกซ์ทะเล) กับชุดโอเพ่นซอร์สออฟฟิศ (ออฟฟิศทะเล, ปลาดาวออฟฟิศ) แทน และนี่คือสิ่งที่ตอกย้ำคำกล่าวที่ว่า ราคามาก่อนฟีเจอร์ ราคาคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
[b]เพียงเดือนเดียว กระทรวงไอซีทีมีออร์เดอร์มากกว่า 100,000 เครื่อง ตัวเลขนี้ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องหันมามอง และกลับมาพร้อมกับข้อเสนอพิเศษที่รัฐบาลไทยยากจะปฏิเสธ[/b]
[color=blue][u][b]"ไมโครซอฟท์ยินดีขาย Windows XP Home และ Office XP คู่กันเป็นแพ็คเกจในราคาแพ็คเกจละ 1,500 บาท"[/b][/u][/color] จำรัส สว่างสมุทร เลขาธิการ สมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ไทย (เอทีซีไอ) กล่าว [color=blue][b]ปกติ Windows XP Home Edition จะมีราคาอยู่ที่ 4,500 บาทและ Office XP มีราคาอยู่ที่ 15,000 บาท[/b][/color]
[color=red]สิ่งที่ถูกตัดออกไปมีเพียงอย่างเดียว คือการซัพพอร์ตภาษาอังกฤษในยูสเซอร์อินเตอร์เฟส เช่น เมนู เพื่อจำกัดขอบเขตการจำหน่ายไว้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น[/color]
ความสำเร็จจากโครงการคอมพิวเตอร์เอื้ออาทร ทำให้กระทรวงไอซีทีเริ่มต้นโครงการ 2 คราวนี้มีไมโครซอฟท์มาร่วมด้วยตั้งแต่ต้น นั่นคือโครงการโน้ตบุ๊คเอื้ออาทรสำหรับข้าราชการ
ความสำเร็จร่วมกับรัฐบาลไทย ทำให้ไมโครซอฟท์มั่นใจ จะประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่า สิ่งที่ไมโครซอฟท์ได้ทำร่วมกับรัฐบาลไทย ก็คือโมเดลสำหรับตลาดใหม่
[b]ดังนั้น ทันทีที่กระทรวงพลังงาน, การสื่อสาร และมัลติมีเดีย ของมาเลเซีย ริเริ่มโครงการคอมพิวเตอร์ราคาประหยัดสำหรับประชาชนเมเลเซีย ภายใต้ชื่อโครงการ พีซีเกมิลัง ไมโครซอฟท์จึงโดดเข้าร่วมทันทีอย่างไม่ลังเล[/b]
พีซีเกมิลังของมาเลเซียวางจำหน่ายในราคา [b]988 ริงกิต (ประมาณ 10,500 บาท)[/b] เท่าๆกับประเทศไทย โดยมาพร้อมระบบปฏิบัติการลีนุกซ์และโอเพ่นซอร์สซอฟต์แวร์ [b]แต่ถ้าต้องการ Windows XP Home Edition และชุดซอฟต์แวร์ Works สำหรับงานเอกสารต่างๆแล้ว ราคาจะขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 1,147 ริงกิต (ประมาณ 12,300 บาท)[/b]
เวียดนามเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ริเริ่มโครงการคอมพิวเตอร์ราคาประหยัดเช่นกัน และได้มีการพูดคุยกับไมโครซอฟท์มาแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
ชัดเจนว่า ปัญหาซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และความนิยมในโอเพ่นซอร์สซอฟต์แวร์ คือสิ่งกระตุ้นให้ไมโครซอฟท์ต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดและวิถีทางเดินใหม่
ไมโครซอฟท์บอกว่า นโยบายดังกล่าวจะถูกนำมาใช้กับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเท่านั้น เพื่อทอนกำลังลีนุกซ์ อย่างไรก็ตาม [b]ลีนุกซ์ก็กำลังลุกคืบอย่างรวดเร็วจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์สู่ฝั่งเดสก์ท็อป นี่คือปัญหาใหม่สำหรับ Windows[/b]
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งโครงการคอมพิวเตอร์เอื้ออาทรโครงการแรกของรัฐบาลไทย หลายฝ่ายเชื่อว่า คอมพิวเตอร์มากกว่า 90% ที่จำหน่ายได้จะถูกนำไปลงโปรแกรมใหม่ที่เป็นซอฟต์แวร์เถื่อน โดยเฉพาะ Windows
[b]กลุ่มพันธมิตรทรัพย์สินทางปัญญานานาชาติ (International Intellectual Property Alliance) ประเมินเมื่อปีที่แล้วว่า 72% ของซอฟท์แวร์ธุรกิจที่ใช้ในประเทศไทยเป็นซอฟต์แวร์เถื่อน มาเลเซียตามมาที่ 68% ขณะที่รัสเซียกับเวียดนามนำโด่งที่ 93%[/b]
กอฟฟ์ของไมโครซอฟท์เปรียบนโยบายดังกล่าวว่า เป็นโอกาสแห่งความสำเร็จสำหรับวิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ที่ว่า "a PC on every desktop and in every home" หรือ ทุกๆโต๊ะทำงานและทุกๆบ้าน ต้องมีพีซี
"สำหรับโลกที่ 1 เราประสบความสำเร็จอย่างสูง" เขากล่าวและว่า "แต่ในฐานะที่ไมโครซอฟท์เป็นบริษัทระดับโลก และถ้ามองภาพรวมทั่วโลกแล้วถามว่า เราประสบความสำเร็จหรือยัง??? คำตอบคือ ยัง และยังไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำ"