ข้อสงสัย เรื่อง Lan 10/100 Mbps 1000Mbps

ผมข้ออ้างอิงกระทู้นี้นิดนึงนะครับ

ขอแก้ความเข้าใจในเรื่อง "แลน10/100/1000 ความเร็วหรือปริมาณ

กรณีด้านบนนี้ เราคุยกันใน ปริมาณข้อมูล ที่สูงกว่า 100 Mbps

10 / 100 / 1000 กรณีนี้ให้นึกถึงถนนครับ จะเห็นชัด

ถนนกว้างกว่า รถวิ่งได้เร็วกว่า จริงมั้ยครับ?
latency ที่เกิด จึงน้อยกว่า (เพราะมันวิ่งได้เร็วกว่า)
lan 10 mbps เวลา ping กันเองจะได้ราวๆ 1ms
100 mbps >> 0.5 ms
1000 mbps >> 0.2 ms
นี่คือที่เคยทดลองมาครับ ซึ่งส่วนนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับข้อมูลที่วิ่งเลย
เพราะใช้สาย cross แล้วบังคับ link speed เอาที่ driver

ปัญหาคอขวด เกิดจาก มีช่องทางนึง ที่แคบกว่าปริมาณรถ (ข้อมูล) ที่เข้ามา
ทำให้รถ (ข้อมูล) ต้องเกิดการหน่วง รอจนกว่าถนนจะว่างพอถึงจะไป

การเทียบเรื่อง network ให้เห็นภาพชัดเจนก็ต้องเทียบกับถนนเนี่ยแหละครับ
link ที่เชื่อมกันทั้งหมด คือ ถนน (มีหลายชนิดด้วยนะครับ ถนนลาดยาง , คสล , ดินแดง , โคลน , ฯลฯ)
ข้อมูลก็คือ รถที่วิ่งบนถนน (ให้ถือว่าเป็นรถชนิดเดียวกันหมดนะครับ)
เครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องก็คือบ้านหนึ่งหลัง

จะมองเห็นภาพได้ชัดเจน และผมว่าใกล้เคียงที่สุดแล้ว

10mbps ก็เหมือนซอย
100mbps ก็เหมือนถนนหลัก (สองช่องทาง)
1000mbps ก็เหมือนถนนทางหลวง (มากกว่า 4 ช่องทาง)

ไม่ได้เกี่ยวกับความเร็วในการรับส่งครับ เกี่ยวกับปริมานการรับส่งต่อวินาที ที่ส่งได้ปริมานได้มากกว่าในขนาดความกว้างของถนนที่กว้างต่างกัน

หากเรากำลังรับส่งข้อมูล 80M/วินาที ความกว้างของถนน 1000Mbps แน่นอนว่าเดินทางไปกลับได้เร็วกว่า 100Mbps
สำหรับ 10Mbps ไม่ต้องกล่างถึงกันแล้วครับ นั้นมันถนนคนเดินอ่านะ เลิกเอารถวิ่งกันแล้วครับ

จากที่ใช้งานมานะครับ ออกแบบให้รองรับที่ 80MB/วินาที ได้เป็นดีที่สุดครับ เพราะที่ผม monitor ใช้งานกันจริงๆ
วิ่งกันที่ 80MB/วินาที เครื่องก็แทบจะดาวน์กันแล้วครับ

ออกแบบให้มาจาก switch backbone 1000Mbps แล้ว แตกออกมาที่ switch ในตู้เป็น 1000–>100 จะเหมาะสมที่สุดครับ
เพราะเท่ากับเรามีทาง Hi Way ข่องทางกว้าง 1000 แล้วปล้อยถนนหลักช่องทางกว้าง 100

เป็นการออกแบบที่ดี ในระบบ webserver ในปัจจุบันครับ

เรื่องนี้จริงๆ ต้องแยก ระหว่าง ความเร็ว กับ ปริมาณข้อมูลที่รับส่งกันต่อวินาที นะครับ

MB/s เป็นหน่วยของ ปริมาณข้อมูลที่รับส่งกันต่อวินาที (ไอ้ที่มี /s ทั้งหมดนั่นแหละครับ)
ส่วน ความเร็ว จะไปหมายถึงความเร็วในการตอบสนอง ทดสอบได้ด้วยการ ping ครับ

ถนนจะรองรับปริมาณรถได้มากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับความกว้างของถนนเป็นหลัก
เหมือนที่พี่หนึ่งพูดมาแหละครับ

ส่วนความเร็ว เป็นผลพลอยได้จากขนาดถนนเท่านั้นครับ ไม่ได้ส่งผลอะไรมากซักเท่าไหร่
(ยกเว้นงานที่ต้องการ low latency สุดๆ เช่นติดต่อ db ปริมาณเยอะๆ)

อุปกรณ์ Network Switch เป็นตัวกำหนดคุณภาพของถนนเลยครับ หากเราใช้ Switch ที่ Manage ได้
เราก็มีถนนที่เราเช็คสภาพการจราจรได้
อีกเรื่องคือ สเปคของ switch ต้องดูกันที่ switching capacity ด้วยครับ และ buffer ด้วยครับ

ต่อให้วางสายระบบ CAT6 หากแต่ Switch เรามันไม่สามารถทรูพุทได้มากพอ ก็ไร้ค่าครับ
อย่าง backbone มา 3Gbps แล้ว Switch ที่ตู้เรา 1Gbps นั้นก็เท่ากับว่า ทางเดินของเรา 1Gbps แล้วออกไปเชื่อมกับถนนไฮเวย์ที่ 3Gbps ครับ แต่ก็มาคอขวดที่ 1Gbps ใน switch ของเราครับ

ต่อให้เอาสาย CAT5E สี่เส้นมารวมกัน ยังสู้ 1 เส้น CAT6 ไม่ได้เลย บวกกับ Switch คุณภาพสูงๆด้วยครับ

ปล. จะเห็นว่าผมเน้น Switching มากๆครับ

[quote author=didplus link=topic=5863.msg52952#msg52952 date=1174375005]
ผมข้ออ้างอิงกระทู้นี้นิดนึงนะครับ

ขอแก้ความเข้าใจในเรื่อง "แลน10/100/1000 ความเร็วหรือปริมาณ

กรณีด้านบนนี้ เราคุยกันใน ปริมาณข้อมูล ที่สูงกว่า 100 Mbps

เออ… เคยเปลี่ยนท่อ เป็นท่อสูตรกันไหม หากเคยเปลี่ยน คงจะนึกภาพออกครับ เครื่องไม่ได้แรงขึ้น แต่มันแรงทางจิตใจ
ตอบว่า… ไม่มีผล แต่มีผลทางจิตใจ lol

เรื่องจริงที่คุณไม่อาจจะปฎิเสธ :blink:

[edit] เพิ่มเติมครับ
เผอิญผมเป็นนักเล่นรถด้วยเหมือนกันครับ บางอย่างเราเปลี่ยนอุปกรณ์ modify racing ไป…
อาจจะไม่ส่งผลอะไรครับ แต่พอตาเราได้เห็น หูเราได้ยิน มันจะกระหึ่ม…ทำให้ใจเรามันหึกเหิม เหยียบคันเร่ง…เลี้ยงความเร็วรอบได้ลงจะงหวะสัมพันธ์กับรอบ/ความเร็ว ทำให้รัดอัตราเร่งออกมาได้ตามเท้าสั่ง…

ที่บอกว่าส่งผลทางด้านจิตใจ เพราะหากคนขับ มีจิตใจที่หึกเหิม แน่นอนครับว่า ขับได้ความเร็วที่สูงกว่า แม่นยำกว่า เพราะสมาธิมีมากกว่า ในการที่เราจะรถพุ่งไปข้างหน้าครับ

หากเทียบกับคนที่ขับเรื่อยๆเฉื่อยๆ คนขับรถเร็วกว่า กลับปลอดภัยกว่าครับ เพราะว่า…สมาธิทั้งหมดได้ถูกรวบรวมออกมาสังการในขณะขับอยู่ตอนนั้นครับ

หากถนน…กว้างกว่า ทีนี้ เครื่องมีกำลังเท่าไร ก็อัดความเร็วไปได้ตามนั้น หาก traffic โล่ง (ถนนโล่ง) ความเร็วไปได้สุดปลายเครื่องเลยครับ

นักเล่นรถ เขาจะมองกันที่อัตราเร่งใช่ไหม หากเราทำถนน ก็มองกันที่ความกว้าง กับระบบบริการป้ายต่างๆที่ชัดเจน ทำให้ขับได้ความเร็วสูงและปลอดภัย

เราต้องมององค์ประกอบทั้งหมด เอาแค่สเปคมาวัดมาระบุ นั้นยังไม่ใช่ครับ ถนนทุกเส้น…ใช่ว่าจะวิ่งกันที่ความเร็ว 180 กม./ชม. ได้ครับ ต่อให้เครื่องแรงก็เถอะครับ ไม่ใช่จะเหยียบได้ความเร็วได้หมดทุกถนนครับ ได้มีคว่ำกันแน่

แล้ว…ผมก็พาย้อนกลับมาถึงว่า ทำไม… 1000Mbps ต้องดีกว่า ครับ.

ไม่เถียงครับว่า Gigabit ต้องดีกว่า 10/100 แน่นอน
แต่…ในขณะที่มีการใช้งานจริงนั้น มันได้ใช้ถึงจุดที่ต้องใช้คุณสมบัติของ gigabit หรือยัง
ถ้ายังไม่ถึง ก็ยังไม่สมควรที่จะต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ ลงทุนในส่วน Gigabit ครับ เพราะ 10/100 ก็เหลือเฟือ

เห็นด้วยกับข้อฟามข้างบนครับ 10/100 สำหรับผมๆ ว่าเหลือแล้วหละ

เข้าใจและคิดเหมือน จขกท. และคุณ pantiphost ครับ

จากประสบการณ์จริง

ปัจจุบันตู้ผมใช้ switch Linksys 10/100 24Ports + uplink 1000 4 ports โดยเสียบสาย 100 จาก CAT 1 เส้น เข้าที่ Gb port1
ดังนั้นปริมาณข้อมูลเข้าออกจากตู้สูงสุดก็จะอยู่ที่ 100Mb/s
เฉลี่ยให้เครื่องในตู้ (1/2 Rack) 16 เครื่อง = เครื่องละ 6.25Mb โดยประมาณ
ซึ่งในความเป็นจริงแต่ละเครื่องก็จะใช้ traffic มากน้อยต่างกันไป บางเครื่องคนเข้าเยอะก็ใช้ไป >10Mb บางเครื่องคนเข้าน้อยมากก็เรียกว่าแทบไม่ีมี traffic เลยก็ว่าได้

ซึ่งปัจจุบันเครื่องทั้งหมด 14 เครื่องใช้งาน bandwidth รวมกันอยู่ที่ 12Mb (Avg) 35Mb (Peak) ซึ่งสูงสุดรองรับได้ 100Mb
จะเห็นว่ายังมี bandwidth เหลือให้ใช้อีกมากว่า 50% ทีเดียว

และหากกรณีที่มีเครื่องที่ใช้งาน BW สูงๆเข้ามา ก็จะต้องใช้สายตรงจากทาง CAT โดยไม่ผ่าน switch ผม เพื่อไม่ให้กระทบกับเครื่องอื่นๆในตู้

เวลาติดตั้ง DirectAdmin วัดความเร็วการ Download ไฟล์จากเวบ DA ได้ที่ 150-300KByte ขึ้นกับช่วงเวลา (180KB avg)

ที่กล่าวมาเป็นสถานะการณ์ปัจจุบัน

จะขอเล่าถึงเหตุการณ์ไม่คาดคิดในวันที่ย้ายเข้า CAT ในวันแรกให้ฟังครับ (ยังไม่เคยเล่าในเวบ แต่ก็มีลูกค้า 2-3 ท่านร่วมเหตุการณ์อยู่ด้วย กับอีก 2 ท่านทราบผ่านทางโทรศัพท์)

ก่อนวันย้ายผมได้เข้าไปจัดระเบียบสาย LAN และติดตั้ง switch Linksys ที่ว่าและทำการทดสอบเป็นที่เรียบร้อยไว้ก่อนแล้ว
ก่อนกลับก็ลังเลว่าจะเสียบสายไฟ switch ทิ้งไว้ดีหรือเปล่า ในที่สุดก็ดึงสายไฟออก
พอวันย้ายก็ย้ายเครื่องเข้าไปทำการเสียบสายไฟเข้า switch ทุกอย่างดูปกติ แต่ปรากฎว่าตัว switch reboot ตัวเองทุกๆ 5 นาที
จึงได้ยืม switch D-Link 10/100 24 Ports จากลูกค้าท่านนึง(ที่มาช่วยย้ายเครื่อง)มาใช้งานชั่วคราวไปก่อน ก็เป็นอันว่าผ่านพ้นไปด้วยดี แต่สิ่งนึงที่เห็นได้ชัดเจนคือ ความเร็วในการ Download ไฟล์จาก DA ลดลงอย่างน่าใจหาย เหลือเพียง 50KB เท่านั้น แต่พอลองเปลี่ยนมาเสียบผ่าน switch Linksys ก็ได้ความเร็วกลับมาที่ 180KB ทันที โดยทุกอย่างเหมือนกันหมดยกเว้น switch คนละตัว สาเหตุก็เนื่องจาก switch capacity กับ buffer ของ switch ทั้ง 2 ตัว ไม่เท่ากัน ซึ่งในวันรุ่นขึ้นผมก็ได้นำ switch linksys กลับไปเปลี่ยนคืน (ที่มัน reboot ทุก 5 นาทีเนื่องจาก Firmware error คาดว่าเนื่องมาจากไฟฟ้าสถิต เพราะไม่ได้เสียบปลั๊กไว้ ก็กลับไป update firmware ใหม่ที่บ้านก็ใช้งานได้เป็นปกติเหมือนเดิม)

อ่านมาถึงตรงนี้ท่านคงจะทราบแล้วว่า
หากเราใช้งาน bandwidth ไม่เกิน 100Mbit แล้ว
การนำเอา switch Gbit ราคาถูกๆมาใช้ เทียบกับ Switch 10/100 คุณภาพดีๆสักตัวแล้ว
Switch 10/100 จะทำงานได้เร็วกว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า
หรือการนำเอา switch Gbit คุณภาพดีๆมาใช้ ก็จะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

ต้องยอมรับว่า switch Gbit คุณภาพดีๆ เทียบกับ Switch 100/100 คุณภาพดีๆ ยังไง Gbit ก็ดีกว่าแน่นอน
แต่ถ้าเราใช้งาน Bandwidth ไม่ถึง 100Mb มันก็จะดีกว่ากันน้อยมากๆ จนไม่คุ้มที่จะลงทุน

สำหรับเครื่องที่ใช้งาน Bandwidth เกิน 100Mb ท่านก็จำเป็นต้องมองหาตู้ที่มี Gbit Switch และมีสาย Gbit จาก Idc มาเข้า switch อย่างเลี่ยงไม่ได้ และท่านก็อาจจะมีเพื่อนร่วมตู้ประเภทเดียวกันอยู่พอสมควร ซึ่งหากมีมากเกินใปก็จะส่งผลกระทบถึงท่านได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วใน 1 ตู้ ก็จะเฉลี่ยๆกันไป (ยกเว้นตู้ที่เปิดรับเครื่อง bit โดยเฉพาะ)
ซึ่งตรงนี้จะเป็น Domestic Bandwidth ซึ่งเป็น Bandwidth ภายในประเทศ
แต่หากเน้นเรื่อง International Bandwidth แล้ว ประเด็นเรื่อง Gbit Switch ตัดออกไปได้เลยครับ เพราะมันไม่ช่วยให้เร็วขึ้นแต่อย่างใด ต้องมาดูที่ Inter BW ที่แต่ละตู้ได้มา รวมถึงการใช้งาน Inter ของเพื่อนร่วมตู้ด้วย
ตู้ 2 ตู้ได้ BW Inter มาเท่ากัน แต่ทำไมความเร็วจึงต่างกัน นั่นก็เนื่องจาก 1.การใช้งานของเพื่อนร่วมตู้ต่างกัน และ/หรือ 2.switch ที่ใช้ คุณภาพต่างกัน นั่นเอง

ผมขอมองอีกมุม ข้างช๊อตไปที่ switch ของ IDC

ถ้ามองจากมุมนี้่ดูแล้ว 1Gb ดูจะมีภาษีเหนือกว่า 100 Mb เยอะ
เพราะ switch ของ IDC เราไม่มีสิทธิไปกำหนดได้อยู่แล้วว่าจะใช้รุ่นอะไรยี่ห้ออะไร

ถ้าเทียบ switch ที่เกรดเท่ากัน switch 1000 จะรับโหลดได้เยอะกว่า switch 100
เพราะมี throughput เยอะกว่าแน่นอน (อย่าลืมว่าเกรดเดียวกันนะ)

ถึงแม้จะเถียงว่าเครื่องของคุณวิ่งไม่เยอะ แต่อย่าลืมว่าที่ IDC คุณต้องอยู่รวมกับเครื่อง
อื่นๆ ในswitch เดียวกัน คุณไม่มีทางรู้ได้ว่าจะเจอเสีอสิงกระทิงเรดแค่ไหน

ในสถานะการณ์จริง ถ้าไปเจอพวกเสือสิงกระทิงแรดอยู่ใน switch เดียวกันผมว่า
อัพไปเป็น 1G น่าจะเร็วกว่า (เฉพาะช่วง peek นะ) ถ้าช่วงปกติก็คงเร็วเท่ากันเหมือนที่
ทุกคนว่ามา