ปรึกษาเรื่อง Host High Bandwidth

สวัสดีครับ ตอนนี้ผมปวดหัวมากเรื่อง host ครับ ต้องการ host ที่ไม่ต้องใช้ power มากแต่ต้องการความเสถียร แล้วก็ bandwidth สูงๆ อยู่ที่ usa เอาไว้ทำ vdeo streaming

ตอนนี้ใช้ amazon ec2 อยู่ แค่อยู่ในช่วยทดลอง bw ก็แตะ 1tb แล้ว โดนค่า bandwidth อย่างเดียวไป $100

ทีนี้ผมก็เลยลองมองไปทาง dedicated server แต่ทีนี้ผมสงสัยว่า ถ้าเราใช้ bw เกินที่กำหนด ผมจะทำยังไงครับ มันไม่ใช่ cloud ที่ซื้อ bw เพิ่มได้เรื่อยๆ

แบบนี้ผมควรทำไงดีครับ ผมล่ะกลัวว่าเปิดใช้จริง โดนค่า bw หลายหมื่นแน่ๆ

ถ้ามีตัวไหนแนะนำบอกได้นะครับ หลังไมค์ก็ได้

ปล. content ถูกกฏหมายครับ
ปล2. content เหล่านี้ไม่สามารถย้ายกันโดยง่ายครับ สรุปคือไม่อยากย้ายไปมาครับ

ต้องไปหาพวก dedicated ที่ไม่จำกัด data transfer ครับ (ขึ้นกับ link speed)

bw 1TB นี่ใช้เวลากี่วันครับ?

เดือนที่แล้วทั้งเดือนครับ

ผมศึกษามาพวกที่บอกว่า unmeter bandwidth 100mbps อะไรงี้ มันก็คือจำกัดนี่ครับ แถมจำกัดความเร็วที่ 100mbps ด้วย ก็จะได้ประมาณ 3.3tb bw

100mbps วิ่งเต็มตลอด
100x60วิx60นาทีx24ชมx30วัน / 8 ได้ 32TB ต่อเดือน ครับ

มันคือการจำกัดจากความเร็ว network ไงครับ 100mbps ก็ได้ราวๆ เดือนละ 30 กว่า TB ตามที่คุณ kke บอกด้านบนนั่นแหละครับ
ถ้าไม่พอก็ต้องไปลองหาดูพวกที่ให้ link 1Gbps ก็จะใช้ได้ราวๆ 300 TB กว่าๆ ครับ

ถ้าเท่านี้ไม่พอจริงๆ … ใช้วิธีเช่าหลายๆ เครื่องกระจาย load เอาสถานเดียวครับ ถ้าไม่อยากทำเองก็ต้องลงทุนเช่า cloud storage service เอาอีกทีครับ

อ้อ โอเคครับ ขอบคุณมากครับ คำนวณผิดไปครับ แฮะๆ

ความจริงผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่า ถ้า launch จริงแล้วจะใช้เท่าไหร่กันแน่ เลยลองมาถามๆ ดูเผื่อผมตกหล่นอะไรไป หรือมันมีวิธีอื่นที่ผมไม่รู้หรือเปล่า

เห็นพวกโฮสหลายเจ้ากับ vpn ให้ unlimit bw หลายเจ้ามาก เผื่อเขามีเคล็ดลับอะไรซ่อนอยู่น่ะครับ

ความจริงมันไม่ unlimit หรอกครับ สุดท้ายก้จะโดนจำกัดการใช้งานตามความเร็ว net แยยเดียวกันอยู่ดี ถ้าห่วงมากแนะนำให้กลับไปจ่ายค่า bw ให้ s3 หรือบริการที่ใกล้เคียงกันแทนครับ

unlimit ไม่มีจริงในโลกาครับ

เรียกให้ถูกคือ unmeter
คือไม่นับว่าใช้ bw ไปเท่าไหร่แล้ว ไม่มีว่าเกินเท่านั้นเท่านี้แล้วคิดเงินเพิ่ม

ส่วนสาย 100 สาย G ก็ใช่ว่าจะใช้คนเดียวได้เต็มสาย มันก็มีแชร์กับเครื่องอื่นๆในตู้เดียวกันด้วย ถ้าต้องการใช้เต็มๆ ก็ต้องเสียเงินเพิ่ม

ถ้าต้องการ High Bandwidth จริงๆ แนะนำไปหาพวก CDN มาใช้งานร่วมด้วยครับ แต่ค่าใช้จ่ายนี้ไม่อยากนึกเหมือนกัน ยังไงก็ต้องหา Business Model ที่มันรองรับค่าใช้จ่ายได้เหมือนกันครับ

มีจริงในโลกสิครับ คำว่า limit แปลว่าจำกัดไว้ คือตั้งค่าจำกัดไว้ใน config หรืออะไรก็ตามที่ใช้การจำกัดความเร็ว เมื่อใส่คำว่า un ลงไป มันก็หมายถึง ไม่ได้มีการตั้งค่า limit ไว้ จะใช้เท่าไหร่ก็ได้

แต่ไม่เกินค่าสูงสุดของ Hardware ที่มีอยู่จริง ค่าสูงสุดนี้จะใช้คำว่า “ขีดจำกัด”

ขีดจำกัด = limitation

ถ้าเป็นแบบนี้ผมว่า limit ไว้ดีกว่าครับ ลูกค้าที่เขาไม่รู้ลึกด้านเทคนิคเขาไม่รู้หรอกครับว่าขีดจำกัด hardware มันขนาดไหน
ผู้ให้บริการบอกว่า unlimit ก็ต้องให้ใช้งานได้ unlimit จริงๆ

ถ้าจะถกกันด้วยภาษา จะเป็นอย่างนี้ครับ

limit = ขีดจำกัด
unlimited = ไม่มีขีดจำกัด

ไม่ควรแปลว่า ไม่ได้จำกัด

เช่น

unlimited amount of money แปลว่า จำนวนเงินไม่จำกัด –> ไม่ได้แปลว่า จำนวนเงินเท่าที่มีในกระเป๋า ครับ
unlimited amount of bandwidth แปลว่า ขนาดแบนด์วิธไม่จำกัด ซึ่งในความเป็นจริงยังเป็นไปไม่ได้ เพราะจะ limited by the size of the pipe คือถูกจำกัดที่ขนาดของท่อ
unlimited amount of storage แปลว่า พื้นที่ไม่จำกัด ซึ่งในความเป็นจริงยังเป็นไปไม่ได้ เพราะจะ limited by the size of the storage/disk/SAN คือถูกจำกัดที่ขนาดของอุปกรณ์เก็บข้อมูล

ถ้ามองจากฝั่งผู้ให้บริการ ก็จะถกเถียงกันด้วยแนวแบบข้างบน

ถ้ามองจากมุมของผู้ซื้อ เขาจะเข้าใจว่า ใช้เท่าไหร่ก็ได้ ซึ่ง… ผู้ให้บริการ (ที่คิดว่า unlimited มีจริง) ทำได้หรือไม่

ในแง่การตลาด unlimited เป็นศัพท์ที่นำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้ผู้ซื้อตัดสินใจง่ายขึ้ย โดยไม่ต้องกังวลถึงปริมาณการใช้งาน ซึ่งกรณีทั่วไปก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะใช้ไม่มากกันเท่าไหร่ แต่กรณีที่ใช้งานมากจริงๆ ก็จะเกิดปัญหา เพราะความคาดหวังของลูกค้าตามคำโฆษณาของผู้ให้บริการคือ มันต้องไม่จำกัด แต่สุดท้ายก็โดนจำกัดเพราะไปสุดที่อะไรบางอย่างในระบบของผู้ให้บริการ

ส่วนตัวผมมองจากฝั่งลูกค้า ผมเชื่อว่า unlimited ไม่มีจริง อย่างน้อยก็ตอนนี้ ครับ

เอาจริงถ้ามีงบ unlimit ผมก็ทำให้มัน (nearly) unlimit ได้นะฮะ 555 พูดง่ายๆ limit ขึ้นกะงบลูกค้ามากกว่า

ก็บอกแล้วต้องใช้คำว่า unmetered เมืองนอกเขาใช้คำนี้กัน มีแต่บ้านเราแหละใช้คำว่า unlimit ซึ่งมันผิดความหมาย

เห็นด้วยครับ unmetered ดีกว่า คือมีปัญญาเท่าไหรใช้ไป แต่ก็ใช้เท่าที่ผู้ให้บริการจัดเตรียมไว้ ไม่ได้เป็นสัญญาผูกพันว่าจะเพิ่มเติมให้เมื่อไม่พอใช้งาน

ปกติไม่ค่อยได้ใช้คำนี้เท่าไหร่
เวลาคุยกับลูกค้าก็คุยกับเค้าตรงๆแฟร์ๆ