ฟอร์ซเท็น เน็ตเวิร์คส์ (Force10 Networks) เปิดตัว Next Generation Distributed Core Switch: Force10 Z9000 ซึ่งเป็น Core Switch ขนาด 2U ติดตั้งพร้อมพอร์ต 40GbE QSFP+ จำนวน 32 พอร์ต หรือใช้งานเป็นพอร์ต 10GbE SFP+ ได้สูงถึง 128 พอร์ต โดยมี Switching Capacity สูงถึง 2.5 Tbps และรองรับทั้งการทำงานแบบ Layer 2 และ Layer 3 พร้อมคุณสมบัติ Plug-n-Play และ VMware Awareness เพื่อรองรับการทำหน้าที่เป็น Cloud Computing Cores และ High Performance Computing Cores สำหรับ 2,000 – 6,000 Physical Servers และ Storages
หลังจากที่ Force10 S4810 สวิตช์ 10GbE SFP+ 48 พอร์ตได้ขายดีตั้งแต่เปิดตัวจนขาดตลาดมาหลายรอบ ในครั้งนี้ Force10 ได้เปิดตัว Z9000 เพื่อรองรับความต้องการของ 40GbE QSFP+ ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในอนาคต Data Center ทั้งหมดจะใช้ 40GbE/100GbE เพื่อเชื่อมระหว่าง Core มายัง Top-of-Rack Switch และใช้ 10GbE เป็นความเร็วมาตรฐานสำหรับการเชื่อมต่อกับ Server โดยสำหรับ Server ที่ต้องการการเข้าถึงข้อมูลปริมาณมหาศาล เช่นระบบ Cloud และ Virtualization นั้น อาจจะต้องเชื่อมต่อกับ Cloud Node และ Storage ด้วยความเร็วระดับ 40GbE เลยก็เป็นได้
ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งตั้งแต่ Force10 S4810 จนมาถึง Force10 Z9000 นั้น คือการใช้ Core Switch เป็น 1U-2U Switch แทนที่จะใช้ความต้องการถึงระดับ Chassis Switch นั้น เป็นสัญญาณของเทรนด์ใหม่ในอนาคต ที่ Core Switch จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นในขนาดที่เล็กลง โดย Force10 S4810 และ Force10 Z9000 นั้น มี Switching Capacity สูงกว่า Core Switch ทั่วๆ ไป 4-16 เท่าเลยทีเดียว และความหลากหลายของ Port จะกลายเป็นหน้าที่ของ Top-of-Rack Switch แทน เพื่อลดค่าใช้จ่ายทางด้านพื้นที่ใน Data Center และลดปัญหาเรื่องไฟฟ้าและความร้อนที่เกิดขึ้นตามแนวคิด Green Technology อีกด้วย