บทความโดย
ร.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ
kissana@ileabangkok.com
เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้รับการสอบถามจากผู้ประกอบการเจ้าของเว็บไซต์หลายรายว่าถ้าวันดีคืนดีเขาไม่สามารถเปิดเว็บไซด์ของตนเองหรือถ้าเปิดได้แต่เนื้อหาบนเว็บนั้นถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข เช่น จากเดิมเป็นเว็บที่ขายหนังสือ แต่ตรวจพบว่าเป็นเว็บที่ขายวัตถุลามากอนาจารต่างๆ และต่อมาท่องเว็บอยู่แล้วพบว่ามีโดเมนเนมของเว็บของเขาลงประกาศขายอยู่ ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นการกระทำผิดประเภทไหนและจะมีวิธีการดำเนินการแก้ไขอย่างไร ซึ่งรูปแแบบของการกระทำผิดเหล่านี้เรียกว่า Domain Name Hijacking ซึ่งเมื่อท่านผู้ประกอบการเจ้าของเว็บไซต์ประสบเหตุการณ์ที่มี Hacker เข้ามาแฮคเอาโดเมนเนมหรือชื่อเว็บไซต์ และนำเอาชื่อโดเมนดังกล่าวไปขายต่อบุคคลภายนอกว่า จะสามารถดำเนินคดีกับ Hacker ในขณะนี้ได้หรือไม่อย่างไร ก่อนอื่นจึงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าอะไรคือ Domain Name Hijacking
Domain Name Hijacking คือการที่ผู้ใดก็ตามที่ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริงของโดเมนเนมนั้นๆ ใช้วิธีการทางเทคนิคเพื่อให้ได้มาซึ่งโดเมนเนมซึ่งในโลกไซเบอร์สเปซแล้วถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่มีค่ายิ่ง ซึ่งที่พบส่วนใหญ่คือ Hacker จะแฮกอีเมล์ที่เจ้าของโดเมนเดิมขอยื่นจดทะเบียนกับหน่วยงานที่รับจดทะเบียนชื่อโดเมน แล้วทำการปลอมเนื้อความในอีเมล์นั้นโดยแจ้งว่าตัวแฮกเกอร์เป็นนาย ก. หรือ นาย ข. ผู้ที่เคยแจ้งจดทะเบียน www.aaaaaaaa.com มีความประสงค์ที่จะขอย้ายผู้รับจดทะเบียน ซึ่งเมื่อโดเมนเนมถูก Hijack แล้ว พวก Hacker ก็จะนำเอาไปประกาศขาย ซึ่งก็บนเว็บไซต์นั่นแหละครับ ซึ่งHacker พวกนี้ก็จะมีวิธีการที่แยบยลในการอำพรางตัวหลังจากพวกเขาได้ทำการ Hijack ไปแล้ว ซึ่งเท่าที่เคยพบก็จะเป็นการปลอมอีเมล์ที่ใช้ติดต่อกับผู้รับจดทะเบียนโดเมนเนม ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะใช้อีเมล์จาก hotmail เพราะเข้าใจว่าอยากแก่การตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ส่งข้อความออกมา ซึ่งหลังจากขโมยโดเมนมาได้แล้ว ก็ทำการปิดบังตัวโดยเปลี่ยนอีเมล์เพื่อตัดความเชื่อมโยงระหว่างตัวผู้กระทำผิดกับหลักฐานต่างๆ ซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับเจ้าของผู้ประกอบการในโลกของไซเบอร์สเปซมากพอสมควร ซึ่งต้องเสียเวลาและงบประมาณในการทำให้เว็บไวต์สามารถดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งในบางรายถึงกับต้องยอมลงทุนซื้อโดเมนนั้นกลับคืนมาจากแฮกเกอร์
