A-Plus VISA น่าเชื่อถือแค่ไหนครับ

ดูน่าเชื่อถือแค่ไหนครับ

ใครเคยลองใช้แล้วบ้าง มาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

http://a-plus.tarad.com/

ถ้าดีจะได้ลองใช้ดู เผื่อจะได้ขายของใน Ebay กับเขาบ้าง

:lol:

ไม่อยากเสี่ยงครับ

รายละเอียดเพิ่มเติมตามนี้ http://www.thaihosttalk.com/index.php?showtopic=2422&hl=

แนะนำแบบอย่าเอ็ดไป ลองติดต่อ Local Thai Bank ( อย่าถามว่าชื่ออะไร ) ดู ว่าจะเอาเงิน 30,000 - 50,000 ฝาก Fix ไว้สำหรับขอบัตรเครดิต VISA แล้วให้บัตรนี้ตัดวงเงินจากบัญชีที่ฝาก Fix ไว้เลย เป็นทางออกทางหนึ่ง ที่บางแบงก์สนับสนุน กรณีที่คุณสมบัติรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนไม่ถึงกรณีขอบัตร VISA หรือคุณสมบัติอื่นที่ตก

ยกเว้นข้อเดียว อย่าติดเครดิตบูโร เป็นใช้ได้ หากติด ตัวใครตัวมัน :lol:

ยินดีครับ ที่สนใจ ebay หากมีโอกาสคงได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน :slight_smile:
สนใจ ebay ต้องเกี่ยวข้องกับ paypal และ บางกอกแบงก์สาขานิวยอร์ก ด้วยน๊า :dgrin:

คุณ aicp ครับ ขณะนี้ทางแบงค์ในประเทศไทยไม่ออกบัตรเครดิตให้ด้วยการเอา Fix ค้ำแล้วนะครับ โดยเฉพาะเงินแค่ 3-5 หมื่นบาท ยิ่งยากครับ เป็นไปตามระเบียบใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ต้องการให้ผู้ใช้บริการบัตรเครดิตมีฐานการเงินที่น่าเชื่อถือครับ และการเอา Fix ค้ำถ้าเป็นสมัยที่ยังทำได้อยู่เค้าไม่หักเงินจากเงิน Fix ครับ แต่คุณต้องจ่ายคืนระบบทุกเดือนเหมือนบัตรเครดิต เงินใน Fix เอาไว้สำหรับเป็นหลักประกันเฉยๆ กรณีที่ลูกค้าเบี้ยวธนาคารครับ

และอยากจะฝากบอกว่าบัตร A-Plus ที่คุณบอกว่าดูไม่น่าเชื่อถือกำลังจะมีเงินสด 200 ล้านมาค้ำประกันตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยในอีกไม่นานแล้วครับ

แล้วในไทยมีเว็บไหนรับ A-Plus บ้างล่ะครับ

อยากทราบว่าใช้กับเว็บไหนได้บ้างน่ะครับ สำหรับในไทยนะครับ

:lol:

คุณ aicp ครับ ขณะนี้ทางแบงค์ในประเทศไทยไม่ออกบัตรเครดิตให้ด้วยการเอา Fix ค้ำแล้วนะครับ โดยเฉพาะเงินแค่ 3-5 หมื่นบาท ยิ่งยากครับ เป็นไปตามระเบียบใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ต้องการให้ผู้ใช้บริการบัตรเครดิตมีฐานการเงินที่น่าเชื่อถือครับ และการเอา Fix ค้ำถ้าเป็นสมัยที่ยังทำได้อยู่เค้าไม่หักเงินจากเงิน Fix ครับ แต่คุณต้องจ่ายคืนระบบทุกเดือนเหมือนบัตรเครดิต เงินใน Fix เอาไว้สำหรับเป็นหลักประกันเฉยๆ กรณีที่ลูกค้าเบี้ยวธนาคารครับ

และอยากจะฝากบอกว่าบัตร A-Plus ที่คุณบอกว่าดูไม่น่าเชื่อถือกำลังจะมีเงินสด 200 ล้านมาค้ำประกันตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยในอีกไม่นานแล้วครับ

เรื่อง Fix เป็นแค่ Guide จะทำได้แค่ไหน อยู่ที่ผู้ต้องการจริงไปติดต่อพูดคุยเอาเอง เอาเงินไปพูด และเป็นหลักประกัน ดีกว่ามีแค่คุณสมบัติตรง >= 15,000 per month แต่พอถึงเวลาชำระแล้วชำระไม่ตรง หรือขาดการชำระ

จบเรื่อง Fix Guide เท่านี้

เรื่องค้ำประกันในอนาคต 200 ล้านดีครับ จะน่าเชื่อถือมาก แต่มันก็ไม่ได้มีเท่านี้ หมายถึง
ยกตัวอย่าง
OK cash เป็นของชินคอร์ป มี 200 ล้านค้ำประกันอยู่แล้ว แต่ข้อจำกัดแบบสุดๆ คือ ไม่สามารถนำหมายเลขบัตรไปใช้นอกประเทศไทยได้ ใช้ได้แต่ในประเทศเท่านั้น ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะ OK cash ไม่ใช่ Bank นั่นหมายถึง ไม่สามารถนำไปจับจ่ายซื้อของได้บนอินเทอร์เน็ตที่มีร้านค้าอยู่ต่างประเทศ เช่น amazon หรือทำธุรกรรมบน ebay

7-11 cash ที่จะเริ่มขายเดือนกุมภาพันธ์ 49 นี้ ก็มี 200 ล้านค้ำประกันเหมือนกัน แต่ก็มีข้อจำกัดเหมือน OK cash ดังกล่าวข้างต้น

ส่วน A-plus ณ ปัจจุบัน อนาคตไม่เกี่ยวหลังค้ำประกัน 200 ล้าน มีข้อดีที่สุดมากกว่า 2 เจ้าแรก ที่เห็นปัจจุบันคือ สามารถนำหมายเลขบัตรและ CVV ไปใช้จ่ายบนอินเทอร์เน็ตที่มีร้านค้าอยู่ต่างประเทศได้ ( ตามข้อมูลหน้าเว็บของ A-plus ) ยอมรับว่าตรงนี้ เป็นจุดดึงดูดผู้ต้องการบัตร VISA ที่มี CVV จริงๆ จะบอกว่าเป็นจุดขายที่เียี่ยมยอดก็ได้

แต่ทั้งหมดทั้ง 3 แห่งจะมีปัญหาเดียวกันคือเรื่องค่าธรรมเนียมที่เก็บลูกค้าเวลาเติมเงิน และใช้จ่ายจริง ซึ่งมองดูแล้วว่าสูงเอาการทีเดียว พูดง่ายๆ เงินของฉันจะเติมเงินก็เสียค่าธรรมเนียม จะใช้จ่ายก็เสียค่าธรรมเนียม จะเติมเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม ก็เจอค่าธรรมเนียม 2 เด้ง แล้วฉันจะสมัครไปเพื่ออะไร

ต่อมาเรื่อง Trade marketing

การทำตลาดบัตรประเภทนี้ไม่ได้มีเฉพาะเรื่อง 200 ล้านค้ำประกัน มีค่าใช้จ่ายตามมาอีกเยอะแยะ ที่หนักสุดก็คือการทำตลาดให้บัตรตัวเองเป็นที่ยอมรับแก่สาธารณะชน เช่น TV และสื่อต่างๆ ก็ต้องใช้เงินอีกมหาศาล ชินคอร์ปและซีพี มีเงินทุนเป็นหมื่นล้านสำหรับการทำธุรกิจ แต่ผมไม่ทราบว่า A-plus มีใครเป็นโต้โผเงินทุน จุดนี้ก็เป็นจุดอ่อนสำหรับ A-plus สำหรับอนาคตเหมือนกัน บอกหน่อยนะครับ อยากรู้จริงๆ คือใคร :slight_smile:

สิ่งสำคัญธุรกิจ Cash Card เป็นธุรกิจสำหรับผู้มีเงินทุนที่มหาศาลจริงๆ เท่านั้นถึงจะอยู่รอด รายเล็กๆ ที่จะเข้ามาถือว่าเป็นไม้ประดับเท่านั้น

เกือบลืมไป สิ่งสำคัญที่สุด

อนาคตของ Cash Card หากมีค่าธรรมเนียมที่สูงตามที่กล่าวข้างต้นต่อไป หาก Bank จริงนำ Visa Electron และ CVV มาลงสนามแข่งขันทุกรูปแบบ ( Bank ไม่นั่งดูตาปริบๆ อย่างแน่นอน ) มาทำให้ใช้จ่ายบนอินเทอร์เน็ตได้ทั่วโลก Cash Card ก็จะไม่อยู่ในสายตาของผู้บริโภคอีกต่อไป เพราะ Bank ก็ต้องทำให้ไม่มีค่าธรรมเนียมการเติมเงินอย่างแน่นอน เพราะถือเป็นว่าเป็นการฝากปกติเหมือนปัจจุบัน การใช้จ่ายก็เหมือน Kbank ที่ทำ e-Webcard ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมการใช้จ่าย เพราะเป็นการหักจากบัญชีเงินฝาก

จะมีค่าธรรมเนียมก็แค่ค่าธรรมเนียมรายปีเหมือน ATM ธรรมดา 100-200 บาทต่อปี
หรือจะเก็บ 500 บาทต่อปี ผมก็ยังถือว่าคุ้ม

อนาคต คนไทยคงหันมาพกเงินพาสติก กันนะครับ ไม่ต้องพกเงินสด ไม่หนักกระเป๋า

และนั่นจะทำให้พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยเปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่า…

น่าคิดนะครับ ว่าอนาคตคนไทย อาจไม่มีเงินเก็บกันเลยก็ได้

เพราะการจ่ายเงินออกไป มันง่ายกว่าหาเงินเข้ากระเป๋าน่ะซิครับ

:lol:

ได้อ่านที่คุณ aicp เขียนไว้ เกี่ยวกับ 7-11 เลยเข้า google ลองค้นๆ ดู ก็เจอข่าวนี้เข้าครับ
http://www.manager.co.th/mgrweekly/viewnew…D=9490000008016
http://www.cb.ktb.co.th/prod/brnew.nsf/0/e…51?OpenDocument

อนาคต คนไทยคงหันมาพกเงินพาสติก กันนะครับ ไม่ต้องพกเงินสด ไม่หนักกระเป๋า

และนั่นจะทำให้พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยเปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่า…

มันไม่ได้หมายถึงคนไทยอย่างเดียว แต่หมายถึงคนทั้งโลก ที่ต่อไปต้องถือบัตรฯ หากถือเงินสด จะผิดกฎหมาย เพราะเขาจะลดและยกเลิกการใช้ ธนบัตร ในทุกประเทศทั่วโลก ในอนาคต ( ทำตอนนี้ไม่ได้ ) เขากำลังทยอยเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์ทั่วโลก ให้อยู่ในรูปแบบมูลค่าเงินสดในตัวเลขดิจิตอล

จริงๆแล้วเจ้าของความคิดนี้ คิดไกลไปถึงการฝังไมโครชิพติดตามกับมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาบนโลกด้วยซ้ำ เขาคิดจะให้ชาติของเขาเป็นเจ้าผู้ปกครองโลก โดยสืบทอดความคิดนี้ต่อไปให้แก่ผู้จะมาเป็นผู้นำชาติของเขาทุกคน

คนๆ นั้นคือ จอร์จ บุช ( เจ้าของความคิด ) พ่อของ จอร์จ ดับเบิลยู บุช

[quote] อนาคต คนไทยคงหันมาพกเงินพาสติก กันนะครับ ไม่ต้องพกเงินสด ไม่หนักกระเป๋า

และนั่นจะทำให้พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยเปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่า…

มันไม่ได้หมายถึงคนไทยอย่างเดียว แต่หมายถึงคนทั้งโลก ที่ต่อไปต้องถือบัตรฯ หากถือเงินสด จะผิดกฎหมาย เพราะเขาจะลดและยกเลิกการใช้ ธนบัตร ในทุกประเทศทั่วโลก ในอนาคต ( ทำตอนนี้ไม่ได้ ) เขากำลังทยอยเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์ทั่วโลก ให้อยู่ในรูปแบบมูลค่าเงินสดในตัวเลขดิจิตอล

จริงๆแล้วเจ้าของความคิดนี้ คิดไกลไปถึงการฝังไมโครชิพติดตามกับมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาบนโลกด้วยซ้ำ เขาคิดจะให้ชาติของเขาเป็นเจ้าผู้ปกครองโลก โดยสืบทอดความคิดนี้ต่อไปให้แก่ผู้จะมาเป็นผู้นำชาติของเขาทุกคน

คนๆ นั้นคือ จอร์จ บุช ( เจ้าของความคิด ) พ่อของ จอร์จ ดับเบิลยู บุช [/quote]
ฟังดูเหมือนในหนังยังไงไม่รู้

แต่ฝังชิพ นี่…

มนุษย์ไม่ใช่แมวนะครับ

เขาคิดอะไรกันอยู่ล่ะเนี่ย…

<_<

[quote] [quote] อนาคต คนไทยคงหันมาพกเงินพาสติก กันนะครับ ไม่ต้องพกเงินสด ไม่หนักกระเป๋า

และนั่นจะทำให้พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยเปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่า…

มันไม่ได้หมายถึงคนไทยอย่างเดียว แต่หมายถึงคนทั้งโลก ที่ต่อไปต้องถือบัตรฯ หากถือเงินสด จะผิดกฎหมาย เพราะเขาจะลดและยกเลิกการใช้ ธนบัตร ในทุกประเทศทั่วโลก ในอนาคต ( ทำตอนนี้ไม่ได้ ) เขากำลังทยอยเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์ทั่วโลก ให้อยู่ในรูปแบบมูลค่าเงินสดในตัวเลขดิจิตอล

จริงๆแล้วเจ้าของความคิดนี้ คิดไกลไปถึงการฝังไมโครชิพติดตามกับมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาบนโลกด้วยซ้ำ เขาคิดจะให้ชาติของเขาเป็นเจ้าผู้ปกครองโลก โดยสืบทอดความคิดนี้ต่อไปให้แก่ผู้จะมาเป็นผู้นำชาติของเขาทุกคน

คนๆ นั้นคือ จอร์จ บุช ( เจ้าของความคิด ) พ่อของ จอร์จ ดับเบิลยู บุช [/quote]
ฟังดูเหมือนในหนังยังไงไม่รู้

แต่ฝังชิพ นี่…

มนุษย์ไม่ใช่แมวนะครับ

เขาคิดอะไรกันอยู่ล่ะเนี่ย…

<_< [/quote]
One World - One Country - One King of Empire

ขยายความ ชิพ ที่ว่าคือ หมายเลขประจำตัวประชาชนโลก ที่บรรจุทุกอย่างอยู่ภายใน

เสริมอีกนิด แต่ต้องหาต่อเพื่อเข้าใจ

บินลาเดน แค่ นกกระจิบ
ผู้นำจีน คือ ผู้รู้เท่าทัน
ผู้นำเกาหลีเหนือ คือ ผู้ที่อาจจะู้พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินโลก ( โสมแดงจะข้ามไม่ง่ายอย่างที่ US คิด )