ปม3Gบานปลาย "ทรูมูฟ"จัดหนัก วิ่งโร่ฟ้องกองปราบเอาผิด"ดีแทค"เป็นบ.ต่างด้าว-จดแจ้งข้อม

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ"รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้(14 มิ.ย.) นางศุภสรณ์ โหรชัยยะ ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากทรูมูฟ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองปราบปรามเพื่อให้ดำเนินคดีกับบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) และกลุ่มบุคคลและกลุ่มบริษัทที่มีพฤติกรรมสนับสนุนให้ดีแทคจดทะเบียนบริษัท และประกอบกิจการโทรคมนาคมในไทยได้

นางศุภสรณ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการสื่อสารและโทรคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร์ ได้มีข้อสรุปกรณีปัญหาการถือหุ้นการครอบงำกิจการและการถือกรรมสิทธิ์ใน ที่ดินโดยคนต่างด้าวที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการโทรคมนาคมว่าดีแทคเป็น ต่างด้าว แต่ ณ วันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ

ขณะเดียวกันทางบริษัทเทเลนอร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของดีแทคได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ประเทศนอเวย์และสิงคโปร์ว่า ถือหุ้นในดีแทค 66.5% แต่ดี แทคกลับแจ้งตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยว่าเทเลนอร์ถือหุ้นเพียง 49%

“บริษัททรูมูฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทไทยและมีจุดมุ่งหมายที่จะผลักดันให้เกิดบริการ 3G จึงทนไม่ได้ที่เห็นบริษัทต่างด้าว เข้ามาครอบงำและกำกับธุรกิจการโทรคม ทำให้ 3G ไม่ เกิดขึ้น โดยได้ฟ้องร้องระงับการเปิดบริการ 3G ทั้งๆ ที่คลื่นเป็นของคนไทย คนไทยมีสิทธิจะได้ใช้”

โดยข้อหาที่ได้แจ้งกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ ดำเนินคดีคือ ดีแทคเป็นคนต่างด้าวเข้ามาประกอบธุรกิจโทรคม มีความผิดตามมาตรา 35 – 37 พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม และผิดกฎหมายอาญาในเรื่องการแจ้งให้จดข้อความเท็จในเอกสารมหาชน และนำเอกสารดังกล่าวไปใช้

ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานด้วย ว่า ชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้ทรูมูฟร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับดีแทคมีสาเหตุมาจาก การกรณี ดีแทคยื่นฟ้องศาลปกครองขอระงับสัญญาระหว่างบมจ.กสท โทรคมนาคม และกลุ่มทรู ในการขายส่งขายต่อบริการ 3G เทคโนโลยี HSPA บนคลื่นความถี่ 850MHz โดยระบุว่าการทำสัญญาดังกล่าวทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม และอาจส่งผลต่อบริษัทให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1308022247&grpid=03&catid=no

อนาคต 3G ของไทยยังมืดมนต่อไป

3 Generations (for implement) mobile network

บ.ที่ทำเรื่องนี้กัดกันเองยังไม้เสร็จ แล้วเมื่อไหร่จะได้ใช้ทั่วประเทศ

รอแล้วก็รอต่อไป

เป็นช่วงเวลาที่ผู้เสียผลประโยชน์เอาคืนฮะ

ระลอกแล้วระลอกเล่า ผ่านประเด็นพิพาท บางรายการก็คลี่คลาย บางรายการค้างคา ใครที่เห็นความเคลื่อนไหวครั้งหลังสุด ทั้งในฟาก ทีโอที ที่เตรียมปั้น TOT 3G ออกตัวบริการลงไตรมาสสามบาง พื้นที่ ขณะที่ฝั่ง กสท และกลุ่มทรู หลังผ่านวิบากกรรมคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ก็เหมือนจะนับถอยหลังเข้าสู่บริการในไตรมาสเดียวกัน

ถึงอย่างนั้นแล้ว เรื่องราวทั้งหมดยังไม่พ้นวิบาก และดูเหมือนจะย้อนไปผูกพันกับอุบัติเหตุใหญ่ครั้งแรก เมื่อ ก.ย. 2553 วันที่ กทช. ถูกศาลปกครองสั่งยุติประมูล 3G ชั่วคราว 3G เมืองไทยช่างแฟนตาซีเสียจริง

เรื่องราวล่าสุดของวงการโทรคมนาคมโดยเฉพาะการนำบริการ3G ออกมาสู่สาธารณะ หลังจากที่ศาลปกครองกลางที่ได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ตามที่กสทร้องขอ โดยสั่งชะลอการประมูลไลเซนส์ 3G ความถี่ 2100MHz ออกไปเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา

3G ในรูปแบบอื่นที่รัฐบาลมุ่งหวังก็ทยอยเกิดตามมา ทั้งในส่วนทีโอทีที่มี TOT 3G ได้ผ่านกระบวนการร่าง ทีโออาร์จนเปิดประมูล และเซ็นสัญญาจ้างไปเรียบร้อย ตั้งธงเปิดบริการบางส่วนในไตรมาสที่3

ฟาก ของ กสท โทรคมนาคม หลังจับมือกับกลุ่มทรู ทำสัญญามิติใหม่ภายใต้กฎเกณฑ์ กทช.เรื่องขายปลีกขายส่ง ซึ่งทำให้ทรูมูฟ ที่สัมปทานจะหมดอายุลงใน 2 ปี มีอนาคตสดใสกว่าใคร ด้วยการรับซื้อ capacity ของ กสท มาขายปลีก 3G HSPA ความถี่ 850 MHz ได้ถึง 14 ปี

แม้ ว่ากรณีสัญญาทรูกับ กสท จะมีแรงเสียดทานมาก ถูกตั้งคำถามมากมายจากทั้งทีดีอาร์ไอ สำนักงานป.ป.ช. หรือจากสังคมว่าเอื้อประโยชน์แก่ทรูมากกว่า กสท หรือไม่ แต่ทั้งหมดก็ผ่านไปได้ตามลำดับ และที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ คือ เมื่อศาลปกครองไม่สั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณี DTAC ร้อง กสท โดยศาลมีคำสั่ง 19 พฤษภาคม มีผลให้สัญญา 6 ฉบับของทรูและ กสท เดินหน้าต่อ โดยที่ดีแทคไม่สามารถร้องศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวฉุกเฉินได้อีก

ดี แทค ร้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อ 25 เม.ย. เพื่อให้พิจารณาถึงความถูกต้องตามกฎหมายของสัญญาระหว่าง CAT กับ True ในการร่วมลงทุนเพื่อให้บริการ มือถือระบบ CDMA และ HSPA ที่ ได้เซ็นสัญญาไปเมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินด้วยนั้น ศาลปกครองกลางมีคำสั่ง ว่า ศาลไม่รับคำขอให้ศาลดกำหนดมาตราการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่ว คราวก่อนการพิพากษา (คือไม่คุ้มครองให้หยุดสัญญาเพื่อรอการพิพากษา)

นอกจากนี้ในประเด็นการพิจารณารับฟ้องนั้น ศาลไม่รับฟ้องในข้อหาที่ 2 ที่ DTAC ฟ้อง ว่า กสท ละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย โดยเข้าไปทำสัญญาโครงการ 3G HSPA กับ กลุ่ม True แต่ศาลรับฟ้องเฉพาะในข้อ หาที่ 1 ที่ DTAC ฟ้องว่า บอร์ดกสท เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ได้อนุมัติให้ กสท ไปทำสัญญาโครงการ 3G HSPA กับ กลุ่ม True โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เนื้อหา ในคำสั่งที่ศาลมีคำสั่งระบุในตอนท้ายว่า “เมื่อศาลไม่รับคำฟ้องในข้อหา ที่ 2 ไว้พิจารณา จึงไม่รับคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองบรรเทาทุกข์ชั่วคราว”

ไม่ต้องถามว่าท่าทีของกลุ่มทรูเป็นอย่างไรยามนี้ เพราะบริษัทรอคอยมาหลายวัน จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่บริษัทสามารถทำบริการ 3G สู่ประชาชนได้ต่อไป

ด่านใหม่ท้าทายและอาจยืดเยื้อ

กระนั้น ก็ตาม 3G ไทย ยังเจอด่านอุปสรรคสำคัญ และอาจเป็นปรากฎการณ์ทำให้แผนขยาย 3G ของทั้งสองขั้ว ได้แก่ ทีโอที และ กสท ที่กำลังจะเริ่มเปิดบริการบางส่วนในไตรมาส 3 อาจมีปัญหาได้

พ.อ.ดร. นที ศุกลรัตน์ กรรมการกทช.รักษาการกรรมการกสทช. กล่าวว่า เขาไม่มั่นใจว่ากสทช. จะสามารถอนุญาตให้ทีโอทีและกสท นำเข้าอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการนำไปใช้ทำบริการ 3G ได้เมื่อไร แม้จะเข้าใจว่าทั้งสองรายมีความจำเป็นและมีแผนที่จะขยายบริการ 3G อย่างรีบเร่ง

ในส่วน กสท ต้องการที่จะนำเข้าอุปกรณ์ HSPA เพื่อนำไปใช้ทำบริการ 3G HSPA ความถี่ 850MHz ของตัวเอง และเพื่อขาย capacity ให้ กับ Real Move บริษัทลูกของ True หลังจากที่ได้ลงนามสัญญาในลักษณะขายส่งขายปลีกกันเมื่อปลายเดือน ม.ค. เพื่อไปใช้ทำบริการ 3G HSPA โดยมีแผนในการ ออกบริการสู่ตลาดในแบรนด์ True Move H ในเร็วๆ นี้

ขณะที่ ทีโอที ซึ่งได้ลงนามสัญญาจ้าง SL consortium ผู้ชนะประมูลไปแล้ว และกำลังเร่งติดตั้งโครงข่ายทั่วประเทศ ซึ่งตามแผนคาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดบริการบางพื้นที่ได้ภายในไตรมาสที่ 3

เขากล่าวว่า นับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ซึ่งศาลปกครองกลางได้สั่งให้สำนักงาน กทช. ชะลอการเปิดประมูล3G license ความถี่ 2100MHz ลงไป ด้วยเหตุผลว่า กทช. ไม่มีอำนาจในการจัดประมูล ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ 2543 เพราะไม่มีองค์กร กสช. เกิดขึ้นมาตามกำหนดเพื่อทำการจัดสรรความถี่ร่วมกับ กทช. ทำให้มีการส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญและและถึงวันนี้ก็ยังรอการพิจารณาชี้ ขาดอยู่

ดังนั้นกระบวนการอนุมัติให้นำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคมทั้งหมดที่เกี่ยวกับการนำไป ใช้กับย่านความถี่ใหม่ๆ ก็ชะลอตัวลงไปนับตั้งแต่วันนั้นมา

เขากล่าวด้วยว่า ในช่วงที่ผ่านมาก็มีผู้ต้องการนำเข้าอุปกรณ์ HSPA โดยเฉพาะ กสท ซึ่งทำเรื่องมาที่สำนักงานกสทช. อย่างไรก็ตามรักษาการ กสทช. ที่มีอยู่ก็ไม่มั่นใจในการอนุมัติของตัวเอง

ที่สำคัญ ก่อนหน้านี้ รศ.สุธรรม อยู่ในธรรม กรรมการ กสทช. ก็ได้ยื่น notice ให้กับ คณะกรรมการที่มีอยู่ว่า การอนุมัติการนำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความถี่นั้น ควรที่จะรอความชัดเจนจากการพิจารณาอำนาจหน้าที่โดยศาลรัฐธรรมนูญก่อน ตามที่ได้มีการร้องศาลปกครองเพื่อยับยั้งการประมูล 3G license ในอดีต เพื่อให้เกิดความชัดเจน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกส่วนจะสามารถอ้างอิงได้ชัดเจน

Notice ของ รศ. สุธรรม เป็นเรื่องที่ทำให้กรรมการบางคนให้น้ำหนักด้วย เพราะหากอนุมัติให้นำเข้าอุปกรณ์แล้ว ต่อไปในอนาคตหากศาลรัฐ ธรรมนูญพิจารณาไปในอีกทางหนึ่ง ผู้อนุมัติอาจจะโดนเรียกร้องให้เกิดการชดใช้ค่าเสียหายจากผู้อื่นที่ได้รับ ผลกระทบ หรืออาจโดนข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหรือกระทำการมิชอบด้วยหรือไม่

ประเสริฐ อภิปุญญา รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ในความเป็นจริง กสท ร้องศาลปกครองยุติประมูล3G licenseเมื่อกันยายน จนเป็นเหตุให้ล้มประมูลลงไป เป็นการอ้างอิงกฎหมาย พ.ร.บ. องค์กรคลื่นความถี่ 2543 แต่การนำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคม เป็นไปตาม พ.ร.บ. วิทยุโทรคมนาคม 2498 ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน

ทั้งนี้ที่ผ่านมาการนำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคมเป็นงานปกติ ที่ดำเนินการโดยสำนักงาน กทช. ซึ่งทำได้เองอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดปัญหาการ ประมูล 3G ถูกยับยั้ง ทางคณะกรรมการ กทช. ก็ได้ดึงอำนาจในการอนุมัติการนำเข้านี้ กลับไปเป็นการต้องเห็นชอบโดยบอร์ดด้วย

“ถ้าถามความเห็นส่วนตัวผมว่าควรอนุมัติได้ แต่ กสทช. จะเห็นชอบให้ดำเนินการหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ประเสริฐ กล่าว

จิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า การฟ้องของ กสท กับเรื่องการอนุญาตให้นำเข้าอุปกรณ์ HSPA ซึ่งเป็นอุปกรณ์โทรคมนาคม เป็นคนละเรื่องกัน และ กสทช. ไม่ควรเอามาปนกัน

อย่างไรก็ตาม กสทช. ได้ให้ กสท ทำหนังสือยืนยันอำนาจของ กสทช. ว่ามีอำนาจในการอนุมัติให้นำเข้าอุปกรณ์HSPA เพราะ กสท เคยร้องศาลปกครองว่า กทช. ไม่มีอำนาจประมูล 3G ซึ่ง กสท ได้ทำหนังสือยืนยันไปแล้วว่า กทช. ซึ่งวันนี้คือ รักษาการ กสทช. มีอำนาจในการนำเข้าอุปกรณ์ และรอการพิจารณาอยู่ ซึ่งยังเชื่อว่าจะได้รับความเห็นชอบ

“สัปดาห์หน้าบอร์ดกสท จะเข้าพบพูดคุยกับ กสทช. ซึ่งจะแสดงเจตนาและแผนงานในการทำ 3G HSPA อีกครั้ง” จิรายุทธ กล่าว

พอ. ดร.นที ยังพูดถึงกรณีสัญญาทั้ง 6 ฉบับ ที่กสท เซ็นกับบริษัทลูกของ True ซึ่งมีการ วิจารณ์ในวงกว้าง และอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากหลายหน่วยงานว่า แม้ทาง กสทช. ก็ได้ให้สำนักงานไปรวบรวมรายละเอียดของสัญญาทั้งหมดมาระยะหนึ่งแล้วว่า เข้าข่ายขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ก็คงไม่สามารถสรุปทิศทางได้เร็ว เพราะที่ผ่านมาสำนักงาน กสทช. ยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ

โดยเฉพาะการขาดเนื้อหาสำคัญคือ ไม่มีนิยามความหมายของ การเป็น MVNOว่า ขัดต่อมาตรา 46 ของกฎหมายกสทช. หรือไม่ ทั้งนี้มาตรา 46 กำหนดว่า “…คลื่นความถี่เป็นสิทธิเฉพาะตัวไม่ สามารถโอนหรือมอบให้ผู้อื่นไปดำเนินการหรือบริหารจัดการแทน” ทำให้การที่กสทขาย capacity ในสัดส่วน 80% เพื่อให้บริษัทลูกของ True ซื้อไปทำ บริการแบบ resell สำหรับ 3G HSPAนั้น ยังไม่สามารถสรุปความเห็นได้ว่าขัดต่อมาตรา 46 หรือไม่

นอกจากนี้ประเด็นสำคัญคือ เรื่องที่ ดีแทค ร้องศาลปกครองว่าสัญญา CAT-True อาจเข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมการงานรัฐ-เอกชน 2535 เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือบทบาทหน้าที่ของ กสทช. พิจารณา โดยประเด็นเรื่องสัญญา CAT-True ที่ทำขึ้น จะขัดพ.ร.บ. ร่วมทุนหรือ เข้าข่ายสัมปทานหรือไม่ เป็นประเด็นที่ถูกโฟกัสมากกว่า

“กสทช.จะดูแค่ว่าสัญญา CAT-True นั้น เดินตามหรือขัดต่อกฎเกณฑ์ของ กสทช. ที่มีมา เช่น การผูกขาดตลาด, กฎเกณฑ์การขายปลีกขายส่ง และกฎหมายกสทช. มาตรา 46 ที่มีการตั้งประเด็นกันเท่านั้น” พอ.ดร. นทีกล่าว

…ทั้งหมดคือความ Amazing 3G in Thailand จริงๆ…

http://www.telecomjournal.net/index.php?option=com_content&task=view&id=4577&Itemid=41

โอ ฟ้องกันไปมา ~~"

ไม่ใช่แค่การเมืองนะครับ

ไม่ได้ผิดที่บริษัทเอกชนหรอก นักการเมืองแย่งกันกินจนท้องจะแตกตายแล้ว วุ้นวายกันไปหมด รำบากแต่ประชาชนตาดำๆ

มหากาพย์ชุดนี้ไม่จบง่ายๆ แลว่าจะเป็นรอยร้าวที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ จนยากจะประสาน

ทรูยื่นดาบ 2 สอบ “นอมินี” พาณิชย์ กางหลักฐาน ‘ดีแทค’ เป็นบริษัทไทย ‘อธึก’ ยื่นหลักฐานสอบเอาผิดเพิ่ม บอกดำเนินคดีได้ทันที

กรมพัฒนาธุรกิจยันดีแทค เป็นบริษัทคนไทยตามกฎหมายคนต่างด้าว พร้อมเชิญธปท.-ก.ล.ต.ให้ข้อมูลตรวจสอบเชิงลึก ‘นอมินี’ รับกฎหมายมีช่องโหว่ คิดแค่ ‘ชั้นเดียว’ ด้านตัวแทนทรูยืนหนังสือพร้อมหลักฐาน มั่นใจผิดกฎหมายต่างด้าว ‘อธึก’ จี้ดำเนินคดีข้อหา’นอมินี’ ขณะที่ผู้บริหารดีแทคพอใจผลการพิจารณา ยันทำตามกฎหมายไทย

นาย บรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่าบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ถือเป็นบริษัทไทย เนื่องจากตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียนที่ดีแทคได้ยื่นจดทะเบียนไว้กับกรมฯ พบว่ามีทุนจดทะเบียน 4,744 ล้านบาท มีผู้ถือรวม 33,528 คน และในจำนวนนี้มีนิติบุคคลไทยถือหุ้น 56 ราย ซึ่งจากการพิจารณาสัดส่วนการถือหุ้น เป็นคนไทยถือหุ้นทั้งสิ้น 51% และต่างชาติถือหุ้น 49%

“ดีแทคจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 4 พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ว่าด้วยความหมายของความเป็นต่างด้าว ที่นิติบุคคลจะมีความเป็นไทยต้องมีคนไทยหรือนิติบุคคลไทยถือหุ้นตั้งแต่กึ่ง หนึ่งขึ้นไป”

ก่อนหน้านี้ ตัวแทนบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ฟ้องดำเนินคดีบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ต่อกองปราบปราม ว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เนื่องจากมีผู้ถือหุ้นต่างด้าวเกินที่กฎหมายกำหนด

“ตามมาตรา 4 พ.ร.บ. ต่างด้าวฯ บอกให้คิดชั้นเดียวว่าต้องมีทุนไทย 51:49 ดังนั้น กรมฯ จึงบอกในเบื้องต้นตามเอกสารหลักฐานที่มีว่าดีแทคเป็นต่างด้าวแต่กรณีการร้อง เรียนของทรูเป็นการเข้าไปตรวจสอบในเชิงลึกซึ้งบริษัทดีแทคมีการถือหุ้นโดย เฉพาะในส่วนนิติบุคคลที่สลับซับซ้อนโยงกันไปมา ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดเพราะเป็นวิถีทางธุรกิจแต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขสัด ส่วนถือหุ้นที่กฎหมายกำหนด จึงต้องมาตรวจสอบในส่วนนี้และข้อกฎหมายก็ระบุให้ว่า ถ้าปรากฏมีข้อสงสัยว่ามีนอมินีคอยช่วยเหลือให้สนับสนุน ก็จะเข้าข่ายมาตรา 36 ก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไป” นายบรรยงค์ กล่าว

กรณีที่ทรูมูฟไปร้อง ทุกข์กล่าวโทษดีแทคเป็นบริษัทต่างด้าว เกิดจากการวิเคราะห์เชิงลึก โดยการพิจารณาจากบริษัท 56 รายที่ถือหุ้นในดีแทค ซึ่งทรูมูฟอาจจะพบว่า มีคนต่างชาติถือหุ้นในบริษัทต่างๆ เหล่านี้ จนสรุปออกมาว่ามีหุ้นต่างชาติถือหุ้นในดีแทค 71.35% และมีคนไทยถือหุ้นเพียง 28.65%

ขณะที่คณะกรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคม ได้มีหนังสือถึงกรมฯ แจ้งผลการตรวจสอบ 2 บริษัทโทรคมนาคม คือ ทรูมูฟและดีแทค แจ้งว่า ดีแทคมีการถือหุ้นของคนต่างชาติสลับซับซ้อน โยงกันไปมา น่าเข้าข่ายมีคนต่างด้าวถือหุ้นเกิน 49% และขอให้กรมฯ ทบทวนกฎหมายเพื่อหาทางป้องกัน

เตรียมเชิญธปท.-ก.ล.ต.ให้ข้อมูลเพิ่ม

เขากล่าวว่า กรมฯ จะทำหนังสือถึงนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประกอบธุรกิจคนต่างด้าว เพื่อแจ้งขั้นตอนการดำเนินการจากนี้ เบื้องต้นกำหนด จะเชิญธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันตรวจสอบ

เขายอมรับว่า การตรวจสอบของกรมฯ มีข้อจำกัดในการตรวจสอบ เพราะมีผู้ถือหุ้นมากกว่า 3 หมื่นราย และยังมีนิติบุคคลอีก 56 ราย ที่เข้ามาถือหุ้น โดยส่วนของการตรวจสอบผู้ถือหุ้นบุคคลธรรมดาไม่น่าจะมีปัญหา สามารถดูจากบัตรประจำตัวประชาชนได้ แต่การตรวจสอบนิติบุคคล 56 ราย ในเชิงลึกและมีลำดับชั้นการถือหุ้นมาก ก็จะต้องใช้เวลา และในการตรวจสอบ แม้จะมีอำนาจเชิญบุคคล เรียกเอกสาร แต่ก็อาจไม่ได้รับความร่วมมือ เพราะมีโทษปรับแค่ 5 พันบาทเท่านั้น

เรื่องนี้ยังอยู่ในระหว่างการ สอบสวนของกองปราบปรามอยู่ด้วย ซึ่งกรมฯ พร้อมที่จะส่งข้อมูลให้ เพราะข้อมูลที่มีอยู่เป็นเอกสารเปิดเผย และคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้โดยเร็วเพราะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย โดยในส่วนของดีแทค หากมีข้อมูลเพิ่มเติมที่จะชี้แจง ก็ให้ยื่นมาได้ กรมฯ พร้อมที่จะรับฟังข้อมูล จากทุกฝ่าย

ยันข้อมูลน่าเชื่อถือ

เขากล่าวโต้ตอบกรณีผู้บริหาร ทรูเห็นว่าข้อมูลไม่น่าชื่อถือ โดยยืนยันว่าข้อมูลที่มีอยู่เชื่อถือได้ เพราะกรมฯ เป็นนายทะเบียน ดูแลนิติบุคคลทั้งประเทศประมาณ 1 ล้านราย มีนิติบุคคลที่ดำเนินธุรกิจอยู่ประมาณ 5 แสนราย ในจำนวนนี้เป็นบริษัทมหาชนประมาณ 1 พันราย

ส่วนมาตรา 36 ของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว สรุปความได้ว่า คนไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วม ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวอันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้าย โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย

ลั่นเอาผิดหากต่างด้าวถือหุ้นเกิน

นายบรรยงค์ กล่าวว่า หากผลการตรวจสอบพบว่าดีแทคมีต่างด้าวถือหุ้นเกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ จริง ก็จะถือว่าความผิดสำเร็จ ก็ต้องไปดูว่าความผิดเกิดขึ้นเมื่อใด ย้อนหลังไปแค่ไหน เพราะเป็นธุรกิจที่อยู่ในบัญชี 3 (21) ที่คนต่างชาติถ้าจะมาประกอบธุรกิจต้องขออนุญาตก่อน แต่ถ้าไม่ขอก็แปลว่าประกอบธุรกิจโดยไม่ขออนุญาต มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 1 แสน ถึง 1 ล้านบาท และศาลจะมีคำสั่งให้ยุติการประกอบกิจการ ถ้าไม่ยุติก็จะมีโทษปรับวันละ 1หมื่นบาท

ส่วนกรณีตรวจสอบ พบว่า มีนอมินีคนไทยคอยให้ความช่วยเหลือทำการถือหุ้นแทนคนต่างชาติ และสนับสนุนให้คนต่างชาติทำธุรกิจที่ต้องขออนุญาตก็จะมีโทษสถานเดียวกัน

ทั้ง นี้ไม่ต้องการให้นำกรณีดีแทคไปเปรียบเทียบกับกรณีกุหลาบแก้วซื้อหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส เพราะเป็นคนละกรณีกันและกุหลาบแก้วซึ่งได้พ้นหน้าที่ไปจากกรมแล้วไม่สามารถ แสดงความเห็นใดๆ ได้อีก

ดีแทคพอใจพาณิชย์ชี้เป็นบริษัทไทย

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า บริษัทมีความพึงพอใจที่อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ออกมาให้การยืนยันว่า ดีแทคเป็นบริษัทไทย

เขากล่าว ว่าดีแทคมีความมุ่งมั่นที่จะมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าและคนไทยทุกคน และดำเนินธุรกิจภายใต้หลักกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของไทยทุกประการ

ทรู กดดันพาณิชย์สอบนอมินี

นายอธึก อัศวานันท์ รองประธานฝ่ายกฎหมาย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่ได้รับรายงาน ทางอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจได้ชี้แจงในมุมข้อกฎหมาย บอกว่า ถ้าดูจากเอกสารดีแทคก็ถือว่าเป็นบริษัทไทย แต่ถ้าทรูร้องเรียนมาที่กระทรวงพาณิชย์ก็จะมีการพิจารณาอีกครั้ง

“ผม มองว่า เบื้องต้นที่กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินคดีได้เลย คือ กลุ่มนอมินี ซึ่งถ้าพบว่าทำผิดจริง ก็จะมีโทษจำคุก และปรับ 1 ล้านบาท อาจถึงขึ้นเลิกประกอบกิจการ และถ้าฝ่าฝืนก็จะมีโทษปรับวันละ 1 หมื่นบาท ทางทรูเองได้ยื่นเอกสาร หลักฐานให้ทางกระทรวงพาณิชย์เพิ่มเติมไปซึ่งหลักฐานดังกล่าวจะยิ่งตอกย้ำถึง ความผิดปกติในการถือหุ้นในบริษัทดีแทค”

นายอธึก กล่าวต่อว่า สิ่งที่ทรูต้องการ คือ ความชัดเจน และโปร่งใสว่าอะไรที่ทำได้ และอะไรที่ทำไม่ได้ตามกฎหมาย ซึ่งบริษัทมุ่งหวังเพียงให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยอย่างโปร่งใส และถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น

ต่อคำถามที่ว่า กรณีกระทรวงพาณิชย์ เปิดทางให้ดีแทคสามารถส่งเอกสารเข้ามาเพิ่มเติมได้นั้น พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ อาจทำให้ดีแทคเองคงไม่อยู่เฉยในเรื่องนี้

นายอธึก กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “เรื่องนี้ ทรูไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน”

ทรู ยันตรวจสอบเรื่องนี้กว่า 3 ปี

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) นางศุภสรณ์ โหรชัยยะ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ทรูมูฟ เข้ายื่นหนังสือต่อนายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อให้ตรวจสอบว่า บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เป็นบริษัทต่างด้าว ที่มีผู้ถือหุ้นต่างด้าวถือหุ้นกว่า 71.35% ซึ่งนางศุภสรณ์ ยืนยันว่า ทางทรูได้ตรวจสอบเรื่องนี้มานานกว่า 3 ปี

อีกทั้ง พระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เป็นกฎหมายที่ใช้มานานกว่า 10 ปี จึงมีการใช้ประโยชน์จาก ช่องว่างทางกฎหมาย ซึ่งธุรกิจโทรคมนาคม ถือเป็นกิจการสงวนให้กับคนไทยดำเนินการ เพราะมีการใช้ทรัพยากรของชาติ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งพฤติกรรมของดีแทคไม่ได้มีเฉพาะการให้ต่างด้าวเข้าถือหุ้นในบริษัท แต่มีการถือหุ้นถึง 5 ลำดับที่มีคณะกรรมการ แหล่งเงินทุน และความเกี่ยวข้องเดียวกัน มีการออกหุ้นบุริมสิทธิให้กับผู้ถือหุ้นต่างด้าว โดยได้รับเงินปันผลจำนวนหลายพันล้านบาท

ขณะที่ผู้ถือหุ้นคนไทยได้ รับเงินปันผลเพียง 50 สตางค์ต่อหุ้นเท่านั้น รวมทั้งอำนาจของคณะกรรมการที่ต่างด้าวมีจำนวนมากกว่า และมีสิทธิออกเสียงมากกว่าคณะกรรมการคนไทย ทำให้ทางทรูมูฟได้นำผลจากรายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสื่อสารและโทร คมนาคม สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่พบว่า ดีแทคเป็นคนต่างด้าว แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดดำเนินการ มาขอให้หน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบ

“ทรู มูฟ ไม่ได้ต้องการขัดขวางการลงทุนจากต่างประเทศ แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนในด้านสัญชาติและต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย รวมทั้งเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎหมายของไทยอย่างถูกต้อง อีกทั้ง ทรู มีแต่คู่ค้าทางธุรกิจ ไม่มีคู่แข่ง”

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20110617/395942/%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%9A-2–%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A-%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B5.html

ปล่อยให้ทรูกับดีแทคทะเลาะกันต่อไป

Ais ตอนนี้ Wifi 3bbร่วมกับais กำลังมาแรง

พัทยาอยู่ตรงไหนก็เล่นได้แทบทุกที่

วิ่งเฉลี่ยประมาณ 3 เมก ถือว่าโอเคมาก

เดือนละ 99 บาทเอง

นี่ว่ากำลังจะขอใช้เน็ตฟรี แล้วให้ร้านเป้น hotspot

DTAC ก็มีครับ wifi แต่ไม่โฆษณา 3bb เหมือนกัน