พันธุ์ทิพย์ ยกทัพสินค้าไอที บุกนนทบุรี ต.ค.นี้

พันธุ์ทิพย์ ยกทัพสินค้าไอที บุกนนทบุรี ต.ค.นี้

พันธุ์ทิพย์ เตรียมปั้นบางลำภูงามวงศ์วานสู่ศูนย์ไอทีครบวงจร ดีเดย์ตุลาคมนี้ จับลูกค้าย่านนนทบุรี ไม่หวั่นคู่แข่ง เชื่อศักยภาพ-ขนาดอาคาร-ความสำเร็จที่มีเป็นเดิมพัน

แหล่งข่าวในวงการคอมพิวเตอร์ กล่าวว่า ราวกลางเดือนตุลาคม บริษัทผู้ซื้ออาคารห้างสรรพสินค้าบางลำภู งามวงศ์วาน จะลงนามว่าจ้างบริษัท ทิพย์พัฒน อาเขต จำกัด ผู้บริหารศูนย์สรรพสินค้าไอทีพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า และตะวันนา บางกะปิ เข้าบริหารพื้นที่ห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ให้เป็นศูนย์ไอทีครบวงจร เช่นเดียวกับพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า โดยมุ่งกลุ่มเป้าหมายลูกค้าย่านนนทบุรี

ทั้งนี้ บริษัททิพย์พัฒน อาเขต ซึ่งประสบความสำเร็จในการบริหารพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า กระทั่งติดอันดับห้างไอทีชื่อดังของไทย จะได้รับสิทธิบริหารพื้นที่ขาย 80,000 ตารางเมตร ของอาคารทั้งหมดกว่า 100,000 ตารางเมตร โดยส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่จอดรถ โดยหลังจากการเซ็นสัญญาแล้ว จะเริ่มทยอยตกแต่งพื้นที่ใหม่ เพื่อไม่ให้กระทบต่อร้านค้าเดิมที่เช่าพื้นที่อยู่

แหล่งข่าวเชื่อว่า พื้นที่แห่งใหม่ น่าจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เพราะทำเลที่ตั้งใกล้ทางด่วน และโรงเรียนกวดวิชา แม้จะตั้งอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน แต่มีพื้นที่สำหรับจำหน่ายสินค้าไอทีเพียง 3,000 ตารางเมตรเท่านั้น จึงไม่ใช่คู่แข่งหลัก

“ขณะนี้ เหลือเพียงขั้นตอนการตกลงแบ่งผลประโยชน์ว่าจะเป็นรูปแบบใด ระหว่างการให้บริษัททิพยพัฒน อาเขต เช่า และบริหารพื้นที่ทั้งหมด จากนั้นค่อยแบ่งกำไรให้กับบริษัทที่ซื้อตึกดังกล่าว หรือทางทิพยพัฒน อาเขต ให้เงินก้อนเป็นรายเดือน ในอัตราคงที่ ส่วนที่เหลือค่อยแบ่งผลกำไร หรืออีกแนวทางหนึ่ง คือ บริษัทเจ้าของตึกจ้างบริหารพื้นที่เท่านั้น ไม่ได้ให้สิทธิการทำตลาด และจัดสรรพื้นที่ร้านค้า” แหล่งข่าวกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายชัยพงศ์ ภู่สุนทรศรี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทิพย์พัฒน อาเขต จำกัด กล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ขณะนี้ ยังคงมุ่งบริหารพื้นที่ที่มีอยู่เดิม ทั้งพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า และตะวันนา บางกะปิ เท่านั้น

ร้านค้าปิดไม่กระทบ

พร้อมกันนี้ เขากล่าวถึงตลาดไอทีที่เกิดภาวะหนี้สูญ กระทั่งมีร้านค้าบางแห่งซึ่งเช่าพื้นที่ในพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ต้องปิดกิจการลงว่า กรณีที่เกิดขึ้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เพราะในพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า มีเพียง 1 บริษัทเท่านั้นที่ปิดตัวลง แต่บริษัทแห่งนั้นยังคงชำระค่าเช่า เพื่อรักษาสิทธิในพื้นที่แห่งเดิมอยู่ ซึ่งเป็นไปได้ว่า จะกลับมาเปิดกิจการ อีกครั้ง หรือโอนสิทธิให้บริษัทอื่นมาเช่าต่อ

“สไตล์ของเรา เน้นเข้าถึงลูกค้าแต่ละรายอย่างใกล้ชิด ซึ่งทำให้ทราบปัญหาแต่เนิ่นๆ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ โดยเข้าไปเดินคุย แลกเปลี่ยนปัญหา รวมถึงพิจารณาเรื่องค้างค่าเช่า สินค้าที่จำหน่ายในร้านมีปริมาณลดลงหรือไม่ ซึ่งสองประการหลัง จะเป็นสัญญาณที่แสดงว่า กิจการไม่ค่อยดีแล้ว” นายชัยพงศ์กล่าว

ดีไอวายยังอยู่ได้

ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่มผู้ประกอบเครื่องไม่มียี่ห้อ (ดีไอวาย) ยังสามารถอยู่ในตลาดได้ โดยอาศัยจุดขาย ที่เลือกสเปค และชิ้นส่วนประกอบเครื่องได้ตามต้องการ และกลุ่มผู้ประกอบเครื่องเหล่านี้ เริ่มหันมาสั่งซื้อชิ้นส่วนจากผู้ค้าส่งขนาดกลาง ซึ่งทำธุรกิจกันเองในครอบครัว จึงสามารถจำหน่ายชิ้นส่วนด้วยราคาที่ต่ำกว่าผู้ค้าส่งรายใหญ่ที่มีต้นทุนสูงกว่า เพราะต้องมีค่าบริหารจัดการ และจ้างบุคลากรจำนวนมาก

“ถึงที่ผ่านมา ตลาดไอทีจะเริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัวลงบ้าง ซึ่งเป็นภาวะปกติของไตรมาสที่ 2 และ 3 ผนวกกับภาวะน้ำท่วมในต่างจังหวัด ทำให้สูญเสียลูกค้าไปบางส่วน แต่เชื่อว่ากำลังซื้อจะกลับมาในไตรมาส 4 เพราะตลาดไอทียังมีโอกาสเติบโตมาก แม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่นิ่งนี้ เพราะประเทศไทยยังมีจำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ต่อประชากรต่ำกว่า 10% ต่างจากบางประเทศที่มีอัตราผู้ใช้หนึ่งเครื่องต่อประชากรหนึ่งคน” นายชัยพงศ์กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com/2004/09/21/i…n_14735652.html

ขอบคุณครับ ผู้สื่อข่าวน้องใหม่ :slight_smile:

ดีครับ มีมาช่วยอีกคนแล้ว ช่วงนี้ผมงานเยอะมากเลยครับ ไม่มีเวลามาหาข่าวให้เลย

ขอบคุณครับ

ขอบคุณคร้าบ ^^