ลีน่า จังโดนใบแดง ปวีณากำลังโดนฟ้อง
ลีน่าจัง สังเวยใบแดงกกต. ชี้หาเสียงเข้าข่ายจัดมหรสพ รื่นเริง มีสิทธิถูกจำคุกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ธิดาช้าง สาวเกาะอก ติดร่างแหต้องถูกดำเนินคดี ด้าน "ลีน่า"ลั่นฟ้องกลับกกต.เลือกปฏิบัติ ชี้จัดการได้แต่ปลาซิวปลาสร้อย เบนหัวแจงปชช.แทนหาเสียงหวังลงสมัครส.ว. ขณะที่ปธ.กกต.เร่งหาหลักฐาน เจ๊ปิ๊กไม่จบนอกจริงหรือไม่
[color=blue]ในที่สุดนางลีนา จังจรรจา หรือ ลีน่าจัง ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหมายเลข 6 ก็ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง)[/color] หลังจากปรากฎหลักฐานชัดเจนว่าระหว่างการหาเสียงที่บริเวณเซ็นเตอร์พ้อยท์ เมื่อวันที่ 18 ส.ค.นางลีน่า ได้มีการกระทำการในลักษณะจัดมหรสพหรือการรื่นเริง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นความผิดตามมาตรา 57 ( 3) ของพรบ.เลือกตั้งท้องถิ่น
ทั้งนี้ก่อนที่กกต.จะมีมติได้เปิดโอกาสให้นางลีน่าและพยานเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อวันนี้( 24 ส.ค. ) ซึ่งมีรายงานว่าในที่ประชุมกกต.ได้มีการเปิดวีดีเทปภาพข่าวการหาเสียงที่ทางกกต.ได้ขอไปยังสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ให้นางลีน่าดู [color=blue]โดยลีน่าพยายามยืนยันไม่มีเจตนาที่จะทำความผิด และตนเองเป็นผู้สมัครที่มีทุนทรัพย์จึงจำเป็นที่ต้องใช้วิธีหาเสียงแบบแปลกใหม่เพื่อจูงใจให้ประชาชนเกิดความสนใจ รวมทั้งบอกว่าภาพข่าวดังกล่าวมีการตัดต่อโดยมีการนำภาพการหาเสียงของตนเองก่อนได้รับหมายเลขมารวมอยู่ด้วย[/color] แต่ปรากฎว่าพยานซึ่งเป็นทีมงานของนางลีน่ากลับยืนยันว่าภาพข่าวดังกล่าวเป็นการหาเสียงของนางลีน่าในวันที่ 18 ส.ค.ทั้งสิ้น ซึ่งหลังการชี้แจงกกต.ก็ใช้เวลาไม่นานในการพิจารณาเพื่อออกมติ โดยที่ประชุมกกต.ต่างก็เห็นว่าก่อนหน้านี้กกต.ได้มีการวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า การหาเสียงแม้มีเพียงผู้ที่แต่งตัวเป็นมนุษย์ตะกั่วไปช่วยหาเสียงก็ถือว่ามีความผิดต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
นายจรัล บูรณพันธ์ศรี กกต. แถลงว่า [color=red]นอกจากนางลีน่าจะถูกกกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นระยะเวลา 1 ปีแล้วก็ต้องถูกแจ้งความดำเนินคดีอาญา รวมไปถึงบุคคลในภาพที่แสดงการรื่นเริงด้วย( ธิดาช้าง สาวเกาะอก ) โดยฝ่ายสืบสวนสอบสวนจะไปตรวจสอบว่ามีใครบ้าง ซึ่งทั้งหมดจะมีโทษตามมาตรา 118 พรบ.เลือกตั้งคือจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 2 หมื่น 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี[/color]
[b]กกต.ยืนยันว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติ การพิจารณาขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน กรณีความผิดฐานจัดมหรสพ รื่นเริงนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้โทรโข่งเสียงเบา หรือใช้เครื่องกระจายเสียง ๆ ดัง แต่อยู่ที่พฤติกรรมการกระทำ ซึ่งกกต.ยึดความหมายของคำว่ามหรสพ รื่นเริงตามพจนานุกรม และที่ผ่านมาก็ไดรณรงค์ให้ความรู้กับผู้ที่จะลงสมัครแล้วว่าอะไรบ้างที่ถือว่าเป็นความผิดห้ามกระทำ หลังจากนี้ก็จะส่งมติให้กับกทม.เพื่อประชาสัมพันธ์ต่อประชาชนว่าในวันเลือกตั้งอย่ากากบาทหมายเลข 6 เพราะจะกลายเป็นบัตรเสีย รวมทั้งก่อนถึงวันเลือกตั้งหากปรากฎหลักฐานว่ามีผู้สมัครรายใดกระทำผิดอีกก็จะมีการพิจารณาวินิจฉัยต่อไป[/b]
[color=blue]ด้านนางลีน่า กล่าวว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกกต. และฟ้องกลับในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะกกต.เลือกปฏิบัติกับตนเอง[/color] เนื่องจากทำไมไม่ไปจัดการกับผู้สมัครรายอื่นที่กระทำการคล้ายกับตนเอง หรือไปจัดการกับคนซื้อเสียง แจกเสื้อ อย่างกรณีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีจ.นราธิวาส ที่มีการแจกท่อพีวีซีกว่า 3 พันอัน แต่กกต.กลับวินิจฉัยว่าทำได้เพราะเป็นการประชาสัมพันธ์เลือกตั้ง อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะทำหนังสือร้องผู้สมัครทุกคนว่าทำผิด และจะเปลี่ยนจากการเดินหาเสียงมาเป็นการเดินสายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบเพราะยังหวังที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ว.
ฝากให้ กกต. ต้องไปตรวจสอบ ไม่ใช่รังแกปลาซิวปลาสร้อยอย่างลีน่าจัง ซึ่งเป็นเพียงผู้หญิงที่โนแนมไร้พรรคสังกัดจะได้ถึง 200 คะแนนหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ สังคมไทยเป็นอย่างนี้หรือ ทำไมไม่ให้โอกาสผู้หญิงคนหนึ่งที่หาญกล้ามาลงสมัคร ทำไมต้องมาเชือดปลาซิวปลาสร้อย นางลีนาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
อย่างไรก็ตามขณะนี้ในส่วนของผู้สมัครอีก 2 รายที่มีการแจกเสื้อในพื้นที่เตาปูน และดอนเมือง อนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของกทม.ยังไม่ได้ส่งเรื่องมาให้กกต.พิจารณา โดยในส่วนของกกต.กลางขณะนี้พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต.กลางได้สั่งให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนหาหลักฐานกรณีนางปวีณา หงสกุล ถูกกล่าวหาว่าระบุคุณสมบัติด้านการศึกษาไว้ในเอกสารแนะนำตัวเกินกว่าความจริงเพื่อจะได้นำเข้าพิจารณาในวันพรุ่งนี้ ( 25ส.ค.)