ไวรัสวินโดวส์ซีอีโผล่ ตามรอยซิมเบียน

ไวรัสวินโดวส์ซีอีโผล่ ตามรอยซิมเบียน

โดย ผู้จัดการออนไลน์

   ไวรัสในอุปกรณ์แฮนเฮลเผยโฉมอีกตัวแล้ว ถือเป็นบัคตัวแรกที่ถูกพัฒนามาเพื่อจู่โจมระบบปฏิบัติการวินโดวส์ซีอีบนอุปกรณ์มือถือ โดยระดับการแพร่กระจายและระดับความร้ายแรงนั้น ไม่ได้มีอันตรายหรือตั้งใจจะสร้างความเสียหาย แต่ดูคล้ายจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าวินโดวส์ซีอีนั้นมีช่องโหว่ เช่นเดียวกับไวรัสซิมเบียนโอเอสที่เป็นข่าวฮือฮาไปก่อนหน้านี้ 
   
   สำนักข่าวซีเน็ตรายงานการออกแถลงการณ์ของบิตดีเฟนเดอร์ (BitDefender) แห่งโรมาเนียว่า [b]สามารถตรวจจับไวรัสที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่าเป็นไวรัสที่เกิดมาเพื่อโจมตีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ซีอีสำหรับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์แฮนเฮล (handheld : อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพิวเตอร์มือถือขนาดพกพา) ของไมโครซอฟท์[/b] [color=red]ผู้เขียนโค้ดไวรัสตัวร้ายนี้ใช้ชื่อนามแฝงว่า “แรตเตอร์ (Ratter)”[/color] โดยมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มที่เคยสร้างไวรัสโจมตีระบบปฏิบัติการของค่ายซิมเบียน
   
   บิตดีเฟนเดอร์อ้างว่าเป็นรายแรกที่สามารถตรวจจับไวรัสวินโดวส์ซีอี ในขณะที่ไมโครซอฟท์ไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใดๆ
   
   “สิ่งหนึ่งที่เหมือนกับ “คาบีร์ (Cabir)” ไวรัสโจมตีระบบปฏิบัติการซิมเบียน คือการไม่ได้ออกแบบมาเพื่อหวังกระจายไวรัสอย่างไวรัสบนอินเตอร์เน็ตทั่วๆไป แต่คล้ายกับเป็นการสาธิตให้รู้ว่า อุปกรณ์แฮนเฮลที่ใช้วินโดวส์ซีอีก็สามารถติดไวรัสได้เช่นกัน” ไวโอเรล แคนจา (Viorel Canja) จากบิตดีเฟนเดอร์กล่าว “แถมโค้ดไวรัสชุดแรกที่ส่งออกมานั้น ก็ตั้งใจส่งมาให้ผู้เชี่ยวชาญด้านแอนตี้ไวรัสแทนที่จะส่งออกไปยังยูสเซอร์ทั่วไป”
   
   แม้ว่าก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์มองว่า อุปกรณ์แฮนเฮลและโทรศัพท์วีโอไอพี (VoIP) จะเป็นเค้กก้อนใหญ่ล่อตาล่อใจผู้เขียนไวรัส แต่จนถึงขณะนี้ การระบาดของไวรัสบนอุปกรณ์แฮนเฮลในวงกว้างก็ยังไม่เกิดขึ้น
   
   ไวรัสคาบีร์ใช้วิธีการแพร่เชื้อด้วยการแฝงไปกับซอฟต์แวร์ที่ยูสเซอร์หลงกลดาวน์โหลดลงในอุปกรณ์ แต่วิธีนี้นักวิเคราะห์มองว่าจะไม่สามารถแพร่กระจายได้มากสักเท่าไหร่ ส่วนไวรัสวินโดวส์ซีอีนั้น จะแสดงเพียงกล่องข้อความ (message box) เพื่อให้ยูสเซอร์ตอบรับการแพร่เชื้อไปยังไฟล์อื่นเท่านั้น ซึ่งนั่นไม่ใช่หนทางที่จะสร้างความสำเร็จให้ไวรัสที่หวังจะป่วนยูเซอร์
   
   แม้ว่าการแพร่กระจายของไวรัสบนอุปกรณ์แฮนเฮล จะยังไม่ร้ายแรงมาก แต่บริษัทแอนตี้ไวรัสและผู้ผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามพัฒนาหาทางอุดช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นได้