เตือนภัย "สปายแวร์" เพิ่มอัตราแพร่ระบาดทั่วโลก

เตือนภัย “สปายแวร์” เพิ่มอัตราแพร่ระบาดทั่วโลก เผยลักลอบติดตั้งผ่านข้อตกลงดาว์นโหลดไฟล์

ผลสำรวจชี้ คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ตกเป็นเหยื่อสปายแวร์กว่า 28 ชนิด หลังดาว์นโหลดไฟล์เพลง-เกม ผ่านเวบไซต์ยอดนิยม ชี้เป้าหมายส่วนใหญ่ มุ่งศึกษาพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต หวังปล่อยโฆษณาป๊อป-อัพ ขณะที่ยังเปิดทางแฮคเกอร์เข้าควบคุมเครื่อง ด้านเอฟทีซีหวั่นใช้ขโมยหมายเลขบัตรเครดิต

สำนักข่าวบีบีซี นิวส์ รายงานผลการวิจัยของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในสหรัฐ “เอิร์ธลิงค์” ซึ่งสำรวจพบว่า พีซีส่วนใหญ่ มักมีโปรแกรมสปายแวร์ติดตั้งอยู่ภายใน โดยเฉลี่ยราว 28 ตัว

ทั้งนี้ บริษัท เอิร์ธลิงค์ ได้สแกนคอมพิวเตอร์กว่า 1 ล้านเครื่อง ในช่วงเดือนมกราคม ถึงมีนาคมที่ผ่านมา และตรวจพบตัวอย่างโปรแกรมสปายแวร์ ในคอมพิวเตอร์เหล่านี้ ทั้งหมดกว่า 29.5 ล้านตัว พร้อมเผยว่า โปรแกรมสปายแวร์ เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกโปรแกรมต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว

ผู้เชี่ยวชาญ อธิบายว่า ซอฟต์แวร์เหล่านี้ มักเข้าสู่คอมพิวเตอร์ของเหยื่อได้ เมื่อผู้ใช้ดาว์นโหลดโปรแกรมเกม หรือไฟล์เพลงฟรี อาทิ โปรแกรมดาว์นโหลดยอดนิยม อย่าง คาซ่า (Kazaa) และโกรคสเตอร์ (Grokster) ซึ่งมักมีข้อตกลงให้ผู้ใช้ ยอมติดตั้งโปรแกรมโฆษณา ลงในฮาร์ดดิสก์ของเครื่อง และผู้บริโภคมักตอบตกลง เนื่องจากไม่ได้อ่านข้อความให้ละเอียด

ขณะที่นักพัฒนาโปรแกรม ยังมีการออกแบบสปายแวร์บางตัว ให้สามารถฝังตัวอยู่บนฮาร์ดดิสก์ของตัวเครื่องได้ทันที เมื่อผู้ใช้ท่องหน้าเวบ โดยที่ผู้ใช้ ไม่จำเป็นต้องดาว์นโหลดซอฟต์แวร์ใดๆ ก่อน

ทั้งนี้ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ จะไม่สังเกตเห็นความแตกต่างใดๆ ขณะที่โปรแกรมสปายแวร์ทำงาน เว้นแต่เครื่องอาจทำงานช้าลง หรืออาจมีโฆษณาป๊อป-อัพ ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

นายแมทท์ คอบบ์ แห่งบริษัท เอิร์ธลิงค์ กล่าวว่า โปรแกรมสปายแวร์ ที่ตรวจพบมากที่สุด ได้แก่โปรแกรมโฆษณา หรือ “แอดแวร์” (adware) ซึ่งทำหน้าที่แสดงโฆษณาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ติดเชื้อ พร้อมทั้งส่งข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต ของผู้ใช้กลับไป นอกจากนี้ ยังตรวจพบสปายแวร์ที่มีอันตรายมากขึ้น

“แม้สปายแวร์ส่วนใหญ่ จะเป็นโปรแกรมแอดแวร์ ที่ค่อนข้างไม่เป็นอันตราย แต่ก็น่ากังวล ที่มีการตรวจพบโปรแกรมโทรจัน และเครื่องมือตรวจสอบระบบที่มีอันตราย อีกกว่า 300,000 ตัวด้วย” นายคอบบ์ กล่าวพร้อมเสริมว่า ผู้ใช้สามารถดาว์นโหลดซอฟต์แวร์ สำหรับกำจัดสปายแวร์เหล่านี้ออกไปได้ อาทิ ซอฟต์แวร์สปายบอท เป็นต้น

ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐ หรือเอฟซีที ได้จัดงานเวิร์กชอปขึ้นในกรุงวอชิงตัน เพื่ออภิปรายเกี่ยวกับผลกระทบจากสปายแวร์เช่นกัน

นายโฮเวิร์ด บีลส์ ผู้อำนวยการแผนกคุ้มครองผู้บริโภค ของเอฟทีซี บอกว่า โปรแกรมสปายแวร์ส่วนใหญ่ มักใช้เพื่อจุดประสงค์ด้านการโฆษณา ซึ่งไม่มีอันตรายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ทางองค์กรกำลังตรวจสอบว่า อาชญากรเริ่มมีการนำโปรแกรมเหล่านี้ มาใช้ในการขโมยเลขที่บัตรเครดิต และหมายเลขบัตรประกันสังคมหรือไม่

“ตอนนี้ เรายังไม่คิดว่ามีปัญหารุนแรง ถึงกับต้องออกกฎหมายห้ามใช้” เขา กล่าว

ส่วนนายเดวิด มอลล์ หัวหน้าฝ่ายบริหารของเวบรูท กล่าวว่า ปัญหานี้ใหญ่กว่าที่คนส่วนมากเข้าใจ โดยเฉพาะการติดตั้งโปรแกรมแบบ “ไดร์ฟ-บาย” (drive-by) หรือการที่เวบไซต์ อาศัยข้อบกพร่องในเบราเซอร์อินเทอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอร์ ในการลักลอบติดตั้งสปายแวร์ และแอดแวร์ ลงในเครื่องของเหยื่อ ก็กำลังเป็นปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่นายเดวิด ซอร์คิน ศาสตราจารย์แห่งโรงเรียนกฎหมายจอห์น มาร์แชล ในชิคาโก ให้ความเห็นว่า แม้ซอฟต์แวร์บางตัว อาจติดตั้งลงในเครื่องโดยเจ้าของไม่รู้ตัว แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น ก็คือ ผู้บริโภค มักละเลยที่จะอ่านรายละเอียดต่างๆ ก่อนที่จะดาว์นโหลดโปรแกรม

กมธ.การค้าสหรัฐจะเริ่มเข้มงวดสปายแวร์
อินเทอร์เน็ต 19 เม.ย. - กรรมาธิการการค้าสหรัฐ หรือเอฟทีซี จัดประชุมเชิงปฏิบัติการหารือมาตรการกับ “สปายแวร์” หรือซอฟต์แวร์ซึ่งฝังตัวในคอมพิวเตอร์เป้าหมายเพื่อควบคุม หรือเฝ้าฟังข้อมูลโดยเจ้าของคอมพิวเตอร์ดังกล่าวไม่อนุญาตและไม่ทราบ

โดยนายโฮวาร์ด บีเลส หัวหน้าแผนกคุ้มครองผู้บริโภคของเอฟทีซีกล่าวว่า พวกโปรแกรมสปายแวร์ แอ็ดแวร์ มักจะถูกส่งไปฝั่งตัวอยู่ในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมักจะถูกใช้ไปในจุดประสงค์ตรวจจับพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งเอฟทีซีกำลังดูว่ามีการใช้ไปในเชิงก่ออาชญากรรมหรือไม่ เช่น ขโมยข้อมูลบัตรเครดิตหรือข้อมูลการเงินส่วนบุคคลอื่นๆ

ทั้งนี้ การตรวจจับโดยเอิร์ธลิ้ง ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในสหรัฐร่วมกับเว็บรูท ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ระบุว่า คอมพิวเตอร์ออนไลน์บนอินเทอร์เน็ต 1 ล้านเครื่องทั่วโลกได้พบสปายแวร์ฝังตัวอยู่ประมาณ 29.5 ล้านตัว หรือประมาณ 28 สปายแวร์ต่อคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง

โดยนายเดวิด มูล ผู้บริหารสูงสุดของเว็บรูท กล่าวว่า ปัญหาใหญ่กว่าที่คิดโดยเฉพาะการอัฟโหลดที่เกิดขึ้นโดยเว็บไซต์ต่าง ๆ ใช้ช่องว่างบนโปรแกรมท่องเน็ตของไมโครซอฟท์และเอาสปายแวร์และแอ็ดแวร์ไปฝังไว้ในคอมพิวเตอร์โดยผู้ใช้ไม่รับทราบและไม่อนุญาต เริ่มเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นทุกวัน