ขอเชิญออกความเห็น

จากกรณีของคุณ pook ผมเห็นว่าการต่อสู้น่าจะอีกยาวไกล ค่าใช้จ่ายมิใช่น้อย
และหากพ่ายแพ้ นั้นหมายถึงความโกลาหลที่จะเกิดขึ้นในวงการโฮส

ผมขอเสนอให้มีการลงขัน เพื่อสมทบทุนกันต่อสู้ เพื่อทุกคน โดยชมรมผู้ประกอบการฯ
ขอเสียงสนับสนุน แนวทาง ร่วมทั้งความเห็นจากทุกท่านครับ

ปล.แจ้งคุณ pook ทราบเรื่องนี้แล้วครับ

ยินดีค่ะ

“ความเห็นส่วนต้ว”

- เรื่องการลงขันก็ขอตามความเห็นส่วนใหญ่นะครับ

- ความเห็นในประเด็น โดนแจ้งความจากเจ้าทุกข์
เรื่องนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ครับ คงต้องแยกประเด็นนี้ออกจากเรื่อง พรบ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาศัยกฎหมาย พรบ. คอมพิวเตอร์ในการตรวจสอบ ประเด็นนี้เราจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

เราคงต้องมาดูว่าเจ้าหน้าที่ต้องการอะไรเป็นประเด็นมากกว่าครับ หากทางเจ้าหน้าที่ประสงค์หาบุคคลผู้กระทำผิดโดยตรง ประเด็นนี้ผู้ให้บริการให้ความสะดวกในการสืบค้นข้อมูลที่อยู่ในความดูแลและรับผิดชอบของแต่ละผู้ให้บริการรับผิดชอบ อาทิเช่น
เว็บไซต์ก็ต้องมีผู้ดูแลเว็บไซต์/เจ้าของเว็บไซต์ เป็นผู้ให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกกับเจ้าหน้าที่ในฐานะผู้ให้บริการสื่อ (ไม่ใช่ผู้กระทำผิดโดยตรง)

เราคงต้องแยกกรณีในการคิดนะครับ กรณีมีผู้ร้องเรียนเข้าแจ้งความ ตรงนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีหน้าที่บริการประชาชนเป็นหน้าที่อยู่แล้ว
เรา (ในฐานะผู้ให้บริการสื่อ) ก็คงต้องให้ความร่วมมือ และแสดงความบริสุทธิ์ของเราเพียงเราสืบค้นหาหลักฐานในเครื่องติดตามผู้กระทำผิด ก็จะพ้นผิด

ประเด็นมันอยู่ตรง…มีผู้เสียหายไปแจ้งความนี่แหละครับที่น่าเครียด ซึ่งบ้างทีอาจจะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา (ซึ่งยอมความกันไม่ได้) มันเครียดตรงนี้
ไม่ได้เครียด พรบ. คอมพิวเตอร์.

ในคดีปุ๊มี 2 ส่วน

  1. เจ้าทุกข์ได้ทำการโทร หรือเมล์ แจ้งผ่านเว็บไซต์ บริษัทปุ๊กหรือไม่ว่ามีคนเอาภาพเขาไปลงประจานในบอร์ดปุ๊ก[color=red] ซึ่งประเด็นนี้ถ้ามีหลักฐานว่าไม่ได้มีการแจ้งเข้ามาแต่อย่างใดเลย ไม่ว่าจะทางโทร หรือทางอีเมล์

ทำไมทำไม…มันชอบถ่ายขอลลับหรือตอนนอนร่วมสูขกัน… พอโกรธเกลียดกันก็เอามาเป็นเครื่องมือทำลายล้างกัน คนอื่นไม่ได้ร่วมด้วยเลย ต้องมาซวย มันก็ทำกันของมันกันสองคน :smash:

ยินดีครับ
อย่างน้อยคงจะเป็นกำลังใจให้คุณปุ๊กได้บ้าง
อย่างมากก็แล้วแต่เสียงส่วนรวมครับ

http://thaidhost.com/file/lawcom.pdf

เอาข้อมูลมาให้ครับ เผื่อใครอยากจจะอ่าน พรบ คอม 2551

เห็นด้วย และรับทราบแนวทางพี่ cat ครับ :wavey:

อ่อ เรื่องเว็บฝากไฟล์ ให้ใส่โค๊ดไว้ที่หน้าแสดงผลรูปภาพเลยได้ไหมละ

พล.ต.ต.วิมล กล่าวว่า ฝากเตือนผู้ดูแลเว็บไซต์ต่างๆ ให้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลที่มีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของตนเองเพราะอาจมีภาพหรือข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นซึ่งมีโทษตามกฎหมายเทียบเท่ากับผู้ที่เอาภาพหรือข้อความมาเผยแพร่ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งบก.ปดส.จะดำเนินการอย่างจริงจังทั้งกับเจ้าของเว็บไซต์ และจะขยายผลไปยังผู้ที่โพสต์ภาพไว้ในเว็บไซต์ด้วย

ตอนนี้ใครมีเว็บ ฝากอะไรก็ระวังละกันครับ หาตัวคนโพสยาก นอกจากจะเก็บ ip

โฮสติ้ง ก็เช่นกัน

[quote author=cat link=topic=11521.msg111818#msg111818 date=1211609285]
อ่อ เรื่องเว็บฝากไฟล์ ให้ใส่โค๊ดไว้ที่หน้าแสดงผลรูปภาพเลยได้ไหมละ

ว่าไง ว่าตามกันครับ

ผมว่านะ รีบส่งเมล์คุยกันเว็บฝากไฟล์นอกดังๆ ว่าไทยมีปัญหา ผมจะย้ายลูกค้าไปหาคุณ ต้องการแลกเปลี่ยนบางอย่าง …
(แบบที่มีคนโพสในนี้ …)
รวมตัวกันก่อนก็ได้ว่าเว็บใหนเอาด้วยบาง เค้าอาจมีข้อเสนอดีๆให้ …

จากนั้นเราก็โยนลูกค้าไป … ลุกค้าใช้เว็บนอก แต่ถ้ามาจากไทย ก็เห็น banner เรา …

แปลด้วยสิดีกว่าค่ะ จะแปลได้กี่คนละน้องเอ๋ย

จากตัวอย่างที่พี่ลงให้ดู จะเห็นว่า สิ่งที่บังคับแสดงโชว์พร้อมภาพมีแค่ขนาดภาพและแจ้ง url เว็บรับฝากไว้เท่านั้น

ซึ่งความเป็นจริงคงมีคนรู้ไม่หมดทุกคนว่า คลิกที่ภาพแล้วจะเห็นช่องทางให้แจ้งลบภาพหรือ url ให้แจ้งนะคะ ถ้าไม่มีคนคลิกก็ไม่เห็นช่องทางการติดต่อเจ้าของรับฝากไฟล์

ตัดปัญหาไปเลย บังคับติดข้อมูลอีเมล์ให้แจ้ง ถ้าเบอร์โทรด้วยก็ดีเพราะถ้าคนตกใจ + กฏข้อบังคับห้ามเขียนว่าโปรดคลิกอ่าน จะมีกี่คนที่จะมานั่งเมล์ไปบอกเจ้าของเว็บ โมโหเลือดขึ้นหน้า + ตกใจ

ข้อความข้างล่างเป็นความคิดเห็น/นึกคิดส่วนตัว
อาศัยความตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ 2550 ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 26, 27, 28 และ 45

เรื่องของเรื่องคือ (ไม่รู้จริงเท็จอย่างไร ฟังคำบอกเล่ามา)

ผู้หญิงที่เสียหายไปแจ้งความไว้ (ไม่แน่ใจว่าวันไหน อาจจะตั้งแต่วันที่ 10 พค.) แล้วตำรวจท้องที่ (น่าจะเป็น สน.พหลโยธิน) ก็ลงบันทึก และสอบสวนไปตามระเบียบ จนนำจับคนที่โพสต์ได้ (คือผู้ชายที่เป็นแฟนกับหญิงผู้เสียหาย) ทีนี้ถึงขั้นตอนของการสืบพยาน หลักฐาน

ต้องประสานงานไปให้ ICT (ซึ่งตำรวจมองว่าเจ้าหน้าที่จาก ICT เป็นผู้เชี่ยวชาญ และเป็นผู้ที่รับหน้าที่โดยตรง ตาม พรบ.คอม 51)
ซึ่งระหว่างทางที่มันล่วงเลยมาจนถึงวันที่ 22 (วันที่นำไปสู่การจับกุมพี่ปุ๊ก) ไม่มีการแจ้งให้ทราบ หรือ บอกกล่าว ใดๆจากเจ้าหน้าที่ของรัฐเลย อยู่ดีๆก็ออกหมายมา

เรียกได้ว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ หรือไม่ (ประเด็นนี้ต้องมาคุยกัน) แต่ที่แน่ๆเจตนาของ เจ้าหน้าที่ ICT และ ตำรวจสืบสวนนั้นเหมือนกัน คือต้องการเก็บพยาน หลักฐาน ที่พี่ปุ๊กมี เพื่อใช้กล่าวหา ผู้ชายที่เป็นคนไปโพสต์ภาพ

เมื่อถูกพาตัวมาสอบสวน พี่ปุ๊กเลยโดนหาง พวกมาตรา 14 / มาตรา 15 (ถ้าพิสูจน์ได้ว่า ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ หรือ การแจ้งเตือน การขอความร่วมมือ จากทางราชการมา ก็ไปสู้ในชั้นศาล)

และในคืนวันที่ 22 ตำรวจก็ค้านการประกันทำให้พี่ปุ๊กต้อง (จำคุก) ที่ สน.พหลโยธิน :flame: (ซึ่งไม่แน่ว่ามาตรา 39 และ 40 ตามรัฐธรรมนูณสามารถนำมากล่าวอ้างได้หรือไม่)

จากนั้นในวันที่ 23 พค. พี่ปุ๊กก็ถูกควบคุมตัวมาที่ บก.ปดส เพราะคดีนี้ มีความผิดว่าด้วยเรื่องของ สิทธิมนุษยชน แต่เป็นเหตุการกระทำที่ใช้ความสามารถของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ท

จึงทำให้มีการใช้กฏหมายสองฉบับ และ เคสพี่ปุ๊กในฐานะผู้ให้บริการ ถือเป็นคดีแรก และเป็นเคส study

ทำให้มีการเขียนสำนวนขึ้นใหม่ทั้งหมด และกินเวลานาน

จนล่วงเลยมาบ่าย 2 เจ้าหน้าที่ ICT ก็นั่ง แท็กซี่ มาถึง บก. ปดส และควบคุมตัวพี่ปุ๊กไป คัดลอกข้อมูล เพื่อใช้เป็นหลักฐานในคดี ที่ตึก cat บางรัก

กว่าพี่ปุ๊กจะกลับมาที่ บก.ปดส ก็เกือบจะล่วงเลย 18:00 น. (เวลาประกันตัว) ซึ่งขั้นตอนการทำงานที่ล่าช้านี้ เราสามารถไต่ถาม :argue: การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้ ตามมาตรา 56, 57 ว่าเป็นเพราะอะไรยังไง ซึ่งตรงนี้ได้กระทุ้งถามที่ บก.ปดส ไปแล้วว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ล่าช้า แล้วจะประกันตัวได้ไหมถ้าเลยเวลา

ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ ตำรวจเข้าของคดี ซึ่งในที่สุดก็ยอมให้ประกันตัวออกมา (เออเนอะ ลืมถ่ายเงินเป็นปึกเลย

[quote author=LaZieR link=topic=11521.msg111825#msg111825 date=1211610439]
ข้อความข้างล่างเป็นความคิดเห็น/นึกคิดส่วนตัว
อาศัยความตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ 2550 ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 26, 27, 28 และ 45

เรื่องของเรื่องคือ (ไม่รู้จริงเท็จอย่างไร ฟังคำบอกเล่ามา)

ผู้หญิงที่เสียหายไปแจ้งความไว้ (ไม่แน่ใจว่าวันไหน อาจจะตั้งแต่วันที่ 10 พค.) แล้วตำรวจท้องที่ (น่าจะเป็น สน.พหลโยธิน) ก็ลงบันทึก และสอบสวนไปตามระเบียบ จนนำจับคนที่โพสต์ได้ (คือผู้ชายที่เป็นแฟนกับหญิงผู้เสียหาย) ทีนี้ถึงขั้นตอนของการสืบพยาน หลักฐาน

ต้องประสานงานไปให้ ICT (ซึ่งตำรวจมองว่าเจ้าหน้าที่จาก ICT เป็นผู้เชี่ยวชาญ และเป็นผู้ที่รับหน้าที่โดยตรง ตาม พรบ.คอม 51)
ซึ่งระหว่างทางที่มันล่วงเลยมาจนถึงวันที่ 22 (วันที่นำไปสู่การจับกุมพี่ปุ๊ก) ไม่มีการแจ้งให้ทราบ หรือ บอกกล่าว ใดๆจากเจ้าหน้าที่ของรัฐเลย อยู่ดีๆก็ออกหมายมา

เรียกได้ว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ หรือไม่ (ประเด็นนี้ต้องมาคุยกัน) แต่ที่แน่ๆเจตนาของ เจ้าหน้าที่ ICT และ ตำรวจสืบสวนนั้นเหมือนกัน คือต้องการเก็บพยาน หลักฐาน ที่พี่ปุ๊กมี เพื่อใช้กล่าวหา ผู้ชายที่เป็นคนไปโพสต์ภาพ

เมื่อถูกพาตัวมาสอบสวน พี่ปุ๊กเลยโดนหาง พวกมาตรา 14 / มาตรา 15 (ถ้าพิสูจน์ได้ว่า ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ หรือ การแจ้งเตือน การขอความร่วมมือ จากทางราชการมา ก็ไปสู้ในชั้นศาล)

และในคืนวันที่ 22 ตำรวจก็ค้านการประกันทำให้พี่ปุ๊กต้อง (จำคุก) ที่ สน.พหลโยธิน :flame: (ซึ่งไม่แน่ว่ามาตรา 39 และ 40 ตามรัฐธรรมนูณสามารถนำมากล่าวอ้างได้หรือไม่)

จากนั้นในวันที่ 23 พค. พี่ปุ๊กก็ถูกควบคุมตัวมาที่ บก.ปดส เพราะคดีนี้ มีความผิดว่าด้วยเรื่องของ สิทธิมนุษยชน แต่เป็นเหตุการกระทำที่ใช้ความสามารถของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ท

จึงทำให้มีการใช้กฏหมายสองฉบับ และ เคสพี่ปุ๊กในฐานะผู้ให้บริการ ถือเป็นคดีแรก และเป็นเคส study

ทำให้มีการเขียนสำนวนขึ้นใหม่ทั้งหมด และกินเวลานาน

จนล่วงเลยมาบ่าย 2 เจ้าหน้าที่ ICT ก็นั่ง แท็กซี่ มาถึง บก. ปดส และควบคุมตัวพี่ปุ๊กไป คัดลอกข้อมูล เพื่อใช้เป็นหลักฐานในคดี ที่ตึก cat บางรัก

กว่าพี่ปุ๊กจะกลับมาที่ บก.ปดส ก็เกือบจะล่วงเลย 18:00 น. (เวลาประกันตัว) ซึ่งขั้นตอนการทำงานที่ล่าช้านี้ เราสามารถไต่ถาม :argue: การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้ ตามมาตรา 56, 57 ว่าเป็นเพราะอะไรยังไง ซึ่งตรงนี้ได้กระทุ้งถามที่ บก.ปดส ไปแล้วว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ล่าช้า แล้วจะประกันตัวได้ไหมถ้าเลยเวลา

ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ ตำรวจเข้าของคดี ซึ่งในที่สุดก็ยอมให้ประกันตัวออกมา (เออเนอะ ลืมถ่ายเงินเป็นปึกเลย

[quote author=maxlogic link=topic=11521.msg111827#msg111827 date=1211611410]
ตอนแรกนึกว่า ปดส. เป็นคนนำหมายศาลไปจับเอง

แต่นี้เป็นเจ้าหน้าที่จาก ICT ทำไม ต้องทำกันถึงขนาดนี้
ขั้นตอนมีหลายขั้นตอน

เขาเรียกว่า เชือด ช้างให้ มดดู

เห็นด้วยกับแนวทาง ที่นำเสนอกันนะครับ
เต็มใจช่วย เต็มที่ครับ

ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งเครียดครับ (เครียดแทน)

น่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้คืนไปบ้าง…

เสียชื่อเสียง เสียเวลา เสียความรู้สึก ทั้ง 3 อย่าง ที่เสียไป ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้เลย

:dry: