เรามาดูที่พี่หนุ่ยแถช่วยict

[color=green]ไทยรัฐออนไลน์[/color] มีโอกาสได้พูดคุยกับ คนในวงการไฮเทค เกมเมอร์มือดี พ่อมดไอที เพื่อหาคำตอบว่า แท้จริงแล้ว “สนิฟเฟอร์” คืออะไร เป็นอย่างไร ซึ่งก็น่าจะได้อีกมุมมองที่น่าสนใจ กับ “หนุ่ย” พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทโชว์ไร้ขีดจำกัด

Q : ขณะที่ฝุ่นความคิดกำลังตลบ และแบ่งกันเป็น 2 ฝ่าย กับกรณีที่ภาครัฐมีความคิดที่จะติดตั้งโปรแกรมสนิฟเฟอร์ เพื่อดัดหลังพวกชอบดาวน์โหลดของเถื่อน คุณคิดอย่างไร ?

ผมเป็นคนไม่ ขัดขืนระบบระเบียบของรัฐบาลอยู่แล้ว ผมคิดว่าประเทศจะมีระเบียบได้ ประชาชนจะต้องเคารพกฎหมาย แต่ความเป็นไปได้ของตัวนี้เป็นไปได้ต่ำ เพราะว่า ภาคการลงทุน กระทรวงผลักภาระไปให้ผู้ให้บริการเป็นคนติดตั้งระบบ ซึ่งเป็นระบบที่ต้องลงทุน อีกประมาณ 8 หลัก ขณะที่ข้อมูลที่วิ่งมาแต่ละชั่วโมงเยอะมาก จนต้องตั้งคำถามว่าต้องใช้คนกี่พันกี่หมื่นคนดู ถ้าจะสนิฟกันจริงๆ

ถ้าพูดกันตรงๆ สนิฟเฟอร์เป็นเทคโนโลยีที่มีมาสักระยะแล้ว โดยหลักการแฮกเกอร์ที่รู้ไส้รู้พุงของสนิฟเฟอร์ก็หลบได้อยู่ดี ประโยคแรกที่ผมให้สัมภาษณ์ก็คือ ผมไม่ขัดขืนถ้าสุดท้ายมันเป็นนโยบายดีๆ จากภาครัฐที่ต้องการที่จะป้องปราบเรืองการละเมิดลิขสิทธิ์หรือว่าควบคุมคอน เทนต์เนื้อหา ผมว่ามันก็ไม่แปลก จีนก็มีโปรแกรมที่ทำงานคล้ายกันนี้ ติดตั้งมาเพื่อที่จะมอนิเตอร์ มันเป็นการวางรากฐานอีกแบบ แต่รัฐเขารับเป็นเจ้าภาพทั้งหมด ไอเอสพีทุกเจ้าต้องวิ่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ของรัฐบาลจีน ซึ่งมันต่างจากการที่จะให้แต่ละคนแยกไปเก็บข้อมูลกันเองมาวิเคราะห์

มัน ก็คงจะเหมือน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตราหนึ่งที่พูดถึงเรื่องฮาร์ดดิสก์ ทุกอย่างเกิดขึ้นในฮาร์ดดิสก์ แล้วไง ใครตรวจได้ คือในกระบวนการปราบปราบทำยาก กฎหมายเขียนไว้มันก็ควรจะมีมูลที่ทำให้มันเกิดความศักดิ์สิทธิ์ คือตรวจจับกันได้ คนก็ไม่กล้าทำ แต่นี่พอรู้ว่ากฎหมายออกมาแล้วตรวจจับไม่ได้ คนมันยังทำอยู่ มันก็กลายเป็นเหมือนกับกฎหมายขาดความน่าเชื่อถือ

ถ้าจะมีกฎออกมา เรื่องอะไรต่างๆ ผมก็พร้อมที่จะรณรงค์ด้วย ในฐานะคนทำสื่อไอที เพื่อให้ทุกคนหันมาใช้ซอฟต์แวร์แท้ ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือว่าปฏิบัติตามกฎต่างๆ ทางเทคโนโลยี แต่โดยปริมาณข้อมูลที่มันจะสนิฟไว้ มันมากเกินกว่าที่ผมจะจินตนาการได้ว่าใครจะตรวจ

Q : วันก่อนคุยกับภาคเอกชน นายอาทิตย์ เลิศรักษ์มงคล ผอ.การสายงานออนไลน์บิสซิเนส ของ บริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) บอกว่าไม่เห็นด้วยกันการติดตั้งโปรแกรมนี้เนื่องจากจะทำให้เสียบรรยากาศของ ลูกค้า การให้ข่าวแบบนี้ทำให้บรรยากาศการลงทุนเรื่องอินเทอร์เนตเสียหาย คิดเห็นอย่างไร ?

ไม่ทราบครับ โดยส่วนตัวผมคิดว่าข่าวทุกข่าวมีผลต่อตลาดหุ้นอยู่แล้ว แน่นอนตลาดหุ้นก็ต้องการข่าวดี

Q : ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายคนบอกว่ารัฐติด “สนิฟเฟอร์” รู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศที่ไร้ประชาธิปไตย ?

ประชาธิปไตย ไม่ได้แปลว่าคุณต้องได้ทุกอย่าง ของบางอย่างมันต้องไม่ได้ คือ มันก็ต้องยอม ฉะนั้นผมคิดว่าเราอย่าไปมีทัศนคติแบบว่าออกกฎอันนี้มาก็ด่าหมด มันไม่ดี คือเมื่อก่อนผมก็เป็น ผมรู้สึกว่าชาติไทยเป็นชาติที่ดื้อ พูดอะไรมาก็นี่ ขณะที่เราไปต่างประเทศเราเคยฟังไกด์ทัวร์พูดไหม รัฐบาลออกกฎให้คนทำอย่างโน้นอย่างนี้ ทุกประเทศเหมือนกันหมด คือ คนเขาเชื่อง ประชาชนเขาทำ ก็เลยมีระเบียบ ของเราพอออกกฎก็เอ๊ะ ก็ต้องมีอย่างนี้ ด้วยความเคารพและความเป็นห่วงผมเป็นคนไม่ต่อต้านกฎหมาย ผมพร้อมที่จะปฏิบัติ แต่ด้วยความเป็นห่วง ผมคิดว่าปริมาณข้อมูลมหาศาลขนาดนี้ เงินลงทุนขนาดนี้มันอาจจะไม่สมเหตุสมผลพอที่จะทำให้กฎหมายนี้ศักดิ์สิทธิ์

Q : คิดว่าวันนี้คนไทยพร้อมกับสนิฟเฟอร์หรือยัง ?

ผม ไม่ได้เสียหายอะไรนะ เพราะผมใช้ซอฟต์แวร์แท้หมด ผมไม่มีปัญหาและผมก็ไม่ใช่นักห้ามคนอื่นด้วย คนทั่วไปอาจจะไม่อยากให้มี เพราะเดี๋ยวจะโดนตรวจโน่นตรวจนี่ [color=red]แต่ว่าผมไม่เคยทำผิดบนคอมพิวเตอร์และผมก็มีครรลองที่ดีในการใช้งานเชิงบวก อยู่แล้ว[/color]

Q : “สุกรี” คนดังแห่งทวิตเตอร์บอกว่า เมื่อรัฐ “สนิฟเฟอร์” เราจะมั่นใจรัฐ คนของรัฐ ได้อย่างไร ว่าเขาจะไม่เอาข้อมูลที่ “สนิฟ” ของเราไปขาย หรือไปทำอะไรที่เลวร้าย

[color=red]ถ้ากลัวรัฐจะทำ คุณต้องกลัวกูเกิล กลัวฮ็อตเมล์ อีเมล์คุณฝากไว้กับเขาก็ดูได้หมด[/color] คุณเอาอีเมล์ทั้งองค์กรไปฝากไว้ที่กูเกิล ฮ็อตเมล์ นั่ันยิ่งกว่านะ ผมไม่เชื่อว่าจะมีองค์กรที่จะทำอย่างนั้น ถ้าคุณทำตัวให้ดี จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดีให้ได้ ไม่ต้องถามว่าเร่ิมที่ใคร เร่ิมที่คนที่เราเห็นในกระจก คือตัวเราเอง ตัวเรามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำผิดซะอย่าง ก็ไม่มีปัญหา เพราะถ้าจะจับกันว่าใครมีรูปโป๊อยู่ในคอมพิวเตอร์ หรือใครมีซอฟต์แวร์เถื่อน “บางขวาง” ต้องขยายที่ จะจับอย่างไร

ด้วยความเป็นห่วง ผมกลัวว่าจะดำเนินการไม่ได้ จะเป็นกฎหมายที่ไม่สามารถปราบปรามได้เป็นห่วงตรงนั้นมากกว่า

Q : แนะนำรัฐได้ไหมว่าเขาควรทำอย่างไรกับการโหลดหนัง เพลงเถื่อน…?

นาที นี้อินเทอร์เนตมันเร็ว มันทำให้ง่ายต่อการละเมิดอยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าประเทศที่อินเทอร์เนตเร็วกว่าเรา มันละเมิดน้อยกว่าเรามาก ญี่ปุ่นยังมีความภักดีต่อศิลปินและก็ซื้อซีดีต่อไป ทั้งที่อินเทอร์เนตเร็วกว่าประเทศไทยไม่รู้กี่ร้อยเท่า แต่ว่าเรื่องนี้โทษอินเทอร์เนตไม่ได้หรอก ต้องโทษจิตสำนึกและวิธีการปลูกฝัง พูดเรื่องนี้เหมือนเอาหนังเก่ามาฉายซ้ำ ต้องพัฒนาจิตสำนึก แต่ผมก็ไม่เห็นกระบวนการใดจะทำซักที เพราะว่าเป็นกระบวนการที่ทำได้ดีที่สุด คือ การสอน คนที่สอนก็ต้องมีจิตสำนึก ต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา ไม่ใช่ว่าอาจารย์สอนคอมพิวเตอร์ยังโหลดไฟล์เพลงละเมิดลิขสิทธิ์อยู่

ผม ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาจิตสำนึกนะ เพราะว่าผมคิดว่าต้องหากระบวนการทำงานผ่านสื่อทุกแขนงและทำงานผ่านสถาบันการ ศึกษา เมื่อก่อนรัฐบาลบอกจนปากจะฉีกถึงรูหูแล้วว่าอย่าซื้อเทปผีซีดีเถื่อน มันก็ยังมีคนซื้ออยู่ดี การเดินเข้าไปซื้อเป็นกายภาพ น่าจะรู้สึกละอายได้ ก็ไม่ละอาย [color=red]แต่นาทีนี้โหลดบน Bit Torrent เขารู้สึกว่านี่คือสังคมแบ่งปัน เรามีนำ้ใจกัน นำ้ใจอะไร คุณไปขโมยเขามา[/color] ผมว่าวงการสร้างสรรค์ไทยหลังจากนี้จะมีปัญหา สร้างสรรค์ออกมาแล้วขายไม่ได้ ในขณะที่คนใหม่ๆ ท่ีจะเติบโตขึ้นมาแล้วกลายเป็นนักสร้างสรรค์ก็จะขาดแรงบันดาลใจเพราะพวกนี้ ขายไม่ได้จะทำไปทำไม

เพราะฉะนั้นมันต้องแก้จริงๆ ค่ายเพลงค่ายเทปต่างๆ ก็ต้องหากระบวนการใหม่ๆ ในการขาย ผมรู้ว่าทุกคนก็ดิ้นไปที่โมบาย ไปดาวน์โหลด แต่สุดท้ายการดาวน์โหลดแบบคุณภาพดีๆ มันก็ต้องมีเครื่องเข้ามารองรับคนที่จะเข้ามาฟังแบบดีๆ

Q : การดาวน์โหลดเถื่อน ภาพ เสียง องค์ประกอบต่างๆ สู้การจะฟังหรือดู หนัง-เพลง จากแผ่นแท้ไม่ได้ ?

ผม เชื่ออย่างนั้น แต่ไอ้คนที่มันโหลดของปลอมมันไม่เชื่ออย่างนั้น มันบอกว่าเพลงเหมือนกันผมบอกว่าไม่มีทางเหมือน หนังที่ยังไม่ได้ออกแผ่นแท้ แล้วคุณไปซื้อมาดูก่อน ยังไงก็ซับนรก มันไม่มีทางเหมือนหรอก อดใจสักนิดแล้วรอมัน หรือดูในโรงดีกว่า ยังไงเงินจะได้ตกถึงคนที่ทำงานจริงๆ ไม่ได้เป็นเงินที่ตกไปหาไอ้ปี๊ด ตกไปหาคนที่มันเป็นผู้ก่อการร้าย คนที่ขายซีดีเถื่อน [b][color=red]กระบวนการนี้คือกระบวนการก่อการร้าย เพราะ 1. ไม่ต้องเสียภาษี

เอาน่ะ ไหนๆประเด็นนี้มันก็ตกไปแระ

ว่าแต่ในเครื่องเฮียเค้าไม่มีไฟล์ละเมิดจริงหรอ อยากรู้จัง

พี่หนุ่ยเค้าสนับสนุนใช้ของแท้และต่อต้านของละเมิดตลอดนะครับ

แต่กว่าเขาจะมาเป็นอย่างทุกวันได้ เขาก็พึงพาของเถื่อนมาบ้างแล้ว เชื่อเถอะ

อย่างว่า เขามีกำลังซื้อ. แต่ไม่อยากเถียงไป เพราะเดี่ยวเขาก็บอกว่าก็ใช้ของถูก หรือ ของฟรีดิ

ก็มันเหมือนกันที่ไหน

สำหรับองค์กรใหญ่ๆ…คนทำงานบริหาร…กับคนนั่งทำงานจริงๆมุมมองต่างกัน
เฉกเช่นปัญหาเจ้านายกับลูกน้อง ไม่ว่ายังไงก็ตาม…ลูกน้องก็ต้องทำตามคำสั่งเจ้านาย
ถึงแม้บางครั้ง บางคราเรารู้แล้วว่าผลลัพธ์มมันจะออกเป็นยังไง แต่ก็ต้องทำ…

แหม…น่าเสียดายประเด็น สนิฟเฟอร์ ไม่ hot แล้ว

ทำไมไม่มีคำถามเช่นว่า “Sniffer ทางเทคนิคแล้วสามารถตรวจจับการละเมิดได้จริงหรือ?” หรือ “เมื่อติดตั้ง Sniffer แล้วมีอะไรเป็นตัวบอกว่าข้อมูลที่วิ่งไปมาอยู่นั้นอะไรบอกได้ว่าเป็นข้อมูลลิขสิทธิ์หรือไม่?”

ในทางเทคนิคทำได้ครับ
ในต่างประเทศก็ทำกันมาเยอะแล้ว
ซึ๋งค่ายหนังใหญ่ๆอย่าฮอลิวู้ด ก็ทำอยู่
เวลา อ.ในมหาวิทยาลัยผมไปต่างประเทสแล้ว load bit กลับมา
แล้วมาใช้ในมหาวิทยาลัย แต่ลืมปิด โปรแกรม bit
ก็จมี mail แจ้งมาจาก FBI ว่า มีการละเมิดลิทสิทธิหนั่งเรื่องนี้อยู่จาก IP ไหน เวลาเท่าไหร่

จริงครับ เคยสัมผัส notebook พี่แกแล้ว ไม่มีเลย พี่แกต่อต้านและเสียดสีพวกละเมิดลิขสิทธิ์้เสมอมาเพราะพี่แกเคยทำเกมส์ เช่น ต้มยำกุ้ง , ก้านกล้วย แล้วเจอปัญหาพวกนี้มากับตัว จะว่าพี่แกไปแถช่วย ict ไม่ได้น่ะครับ เพราะคำถามมันไม่ยิงไปเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์มากกว่าที่จะถามให้ตรงประเด็นเรื่อง sniffer

Q : คิดว่าวันนี้คนไทยพร้อมกับสนิฟเฟอร์หรือยัง ?

ผม ไม่ได้เสียหายอะไรนะ เพราะผมใช้ซอฟต์แวร์แท้หมด ผมไม่มีปัญหาและผมก็ไม่ใช่นักห้ามคนอื่นด้วย คนทั่วไปอาจจะไม่อยากให้มี เพราะเดี๋ยวจะโดนตรวจโน่นตรวจนี่ แต่ว่าผมไม่เคยทำผิดบนคอมพิวเตอร์และผมก็มีครรลองที่ดีในการใช้งานเชิงบวก อยู่แล้ว[/color]

Q : “สุกรี” คนดังแห่งทวิตเตอร์บอกว่า เมื่อรัฐ “สนิฟเฟอร์” เราจะมั่นใจรัฐ คนของรัฐ ได้อย่างไร ว่าเขาจะไม่เอาข้อมูลที่ “สนิฟ” ของเราไปขาย หรือไปทำอะไรที่เลวร้าย

ถ้ากลัวรัฐจะทำ คุณต้องกลัวกูเกิล กลัวฮ็อตเมล์ อีเมล์คุณฝากไว้กับเขาก็ดูได้หมด[/color] คุณเอาอีเมล์ทั้งองค์กรไปฝากไว้ที่กูเกิล ฮ็อตเมล์ นั่ันยิ่งกว่านะ ผมไม่เชื่อว่าจะมีองค์กรที่จะทำอย่างนั้น ถ้าคุณทำตัวให้ดี จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดีให้ได้ ไม่ต้องถามว่าเร่ิมที่ใคร เร่ิมที่คนที่เราเห็นในกระจก คือตัวเราเอง ตัวเรามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำผิดซะอย่าง ก็ไม่มีปัญหา เพราะถ้าจะจับกันว่าใครมีรูปโป๊อยู่ในคอมพิวเตอร์ หรือใครมีซอฟต์แวร์เถื่อน “บางขวาง” ต้องขยายที่ จะจับอย่างไร

ประเด็นมันอยู่ตรงนี้

มันมีต่ออีกบรรทัดนึงนะ

" ด้วยความเป็นห่วง ผมกลัวว่าจะดำเนินการไม่ได้ จะเป็นกฎหมายที่ไม่สามารถปราบปรามได้เป็นห่วงตรงนั้นมากกว่า "

ตรงใจผมเลย ถ้าออกมาจริงกลัวว่าจะทำไม่ได้

พี่หนุ่ยเค้าไม่ดูหนังโป้จริงๆหรอห๊ะ 55555+

ผมว่า ICT โง่ แทนที่จะบอกว่าใช้ Sniffer ถ้่าเปลี่ยนเป็นคำว่า content filtering แค่นี้ก็คงไม่มีกระแสรุนแรงขนาดนี้หรอก หุหุ

เขาเข้าใจพูดนะจะบอกให้ นิ่มๆๆ
ก้พูดเหมือนหลายๆ คนพูด แต่วิธีการพูดที่แตกต่างแค่นั้นเอง

ผมว่าพี่แกอาจจะซื้อลิขสิทธิ์แท้จากญี่ปุ่้นก็เป็นไปได้น่ะ 555+

จริงๆ ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ของผมเท่าไหร่นะครับ ประเด็นผมไม่ได้หมายความว่า protocol ใด เอาตามตัวอย่างของคุณที่ว่าเป็น bittorrent ผมหมายถึงว่า bittorrent เอาก็ไม่ได้มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นลิขสิทธิ์หรือไม่ เราเองอาจจะเข้าใจโดยทั่วไปเองว่าส่วนมากเราใช้กันกับข้อมูลละเมิดลิขสิทธิ์เท่านั้น แต่ในตัว packet หรือ protocol ไม่ได้มีส่วนใดเลยที่บอกว่ามีลิขสิทธิ์หรือไม่ นี่คือประเด็นของผมครับ

ถ้าเทียบกับ protocol อื่นๆ ง่ายๆเช่น FTP หรือการส่งไฟล์ใน MSN, Skype ก็ไม่มีส่วนใดที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นลิขสิทธิ์หรือเปล่า

= = อ่านแล้วรู้สึกคันๆ คันไม้คันมือ


มีการจิกคนอื่นด้วยนะ รุสึก

[sugree]
อ่ะ

ผมว่าหัวข้อไม่ค่อยตรงกับเนื้อหาเลยอ่ะครับ ไม่เห็นแถช่วยอะไรตรงไหนเลย

ไม่ได้แถอ่ะ แต่แค่บอกว่าตัวเอง มีแต่ลิขสิทธิ์แค่นั้นละ

ไม่ได้แถ … แต่ถุย! ครับ :slight_smile:

ไม่ทราบเหมือนกัน
แต่เวบนอกเขามี ซัพสลิปชั่น รายเดือนนิ หรือไม่ก็หาซื้อแผ่นแท้ ???