โดย : ฐิติชัย อัฏฏะวัชระ popclub@hotmail.com
ขอแสดงความยินดี กับผลงานของรัฐบาล National ICT Learning Center หรือ ศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีแห่งชาติ ที่ตั้งอยู่บนชั้น 6 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์พลาซ่า หรือ เวิลด์เทรด ที่จะใกล้ครบวาระการก่อตั้งและให้บริการเป็น เวลา 1 ปี หลังจากที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 29 ตุลาคม 2547 ด้วยงบเกือบ 100 ล้านบาท อันเกิดจากแรงความตั้งใจของรัฐบาลภายใต้การผลักดันของ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ได้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและและการสื่อสาร (ไอซีที) ในช่วงสมัยนั้น
แต่ 1 ปี สำหรับศูนย์ไอซีทีแห่งนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่อาจจะประจานถึงความล้มเหลวและไม่น่าจะเข้าไปยินดีด้วยแต่อย่างไรกับผลงานของรัฐบาล ที่อุตส่าห์ตั้งใจ ก่อสร้างขึ้นมา และกว่าจะได้มาอยู่บนพื้นที่แห่งนี้ ก็มีการหาที่ตั้งมาอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณตึกเก่าที่ก่อสร้างไม่เสร็จจำนวน 30 ชั้น ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรงหัวถนนสามย่าน พื้นที่อาคาร ของโรงเรียนเตรียมทหารเดิม หรือสวนลุมไนท์บาซาร์ พื้นที่ของเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตอุเทนถวาย ด้วยหวังจะเป็นสถานที่แสดงถึงนวัตกรรมด้านไอซีที และการนำไอซีทีมาใช้ประโยชน์ให้ถูกต้อง พร้อมทั้งยัง จะใช้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านไอซีที ให้กับเด็กไปจนถึงผู้ใหญ่สูงอายุ ก่อนที่จะขยายการให้บริการไปยังเขตเมืองไอทีซิตี้ ใน 3 จังหวัด อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต
โดยสถานที่แห่งนี้ได้เกิดจากร่วมมือร่วมแรงร่วมใจจากหน่วยงานทุกๆฝ่ายไม่ว่าจะเป็นทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้ประกอบการในธุรกิจไอที อาทิ ไอบีเอ็ม ออราเคิล ไมโครซอฟท์ ซันไมโครซิสเต็มส์ แอปเปิล สมาคมผู้ผลิตและผู้ประกอบการคอมพิวเตอร์ ที่จะให้การสนับสนุนทั้งในด้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ หรือแม้กระทั่ง บริษัท อิเมจิแม็กซ์ ผู้ผลิตภาพยนตร์แอนนิเมชั่น ที่ได้ร่วมลงขันสร้างโรงภาพยนตร์ 4 มิติ ไปจำนวนกว่า 10 ล้านบาท
การส่งผู้บริหารที่ขาดวิสัยทัศน์ ความรู้และความรับผิดชอบ ที่ส่งผลให้เกิดความล้มเหลว ถึงแม้ว่าแม้ผู้จัดตั้งจะมีความตั้งใจอย่างไรก็ตาม ก่อนที่รัฐบาลที่สร้างผลงานหรือหรือว่าจะชวนใครไปลงขัน มีการนำเงินไปละลายแบบนี้อีกรอบ ใน 3 จังหวัด คงต้องคิดใหม่ทำใหม่
ข้อกล่าวหาของการบริหารงานผิดพลาดของผู้บริหารรายนี้แม้แต่รัฐมนตรีที่เข้ามารับงานต่อจากน.พ.สุรพงษ์ ยังเอือมระอา และเคยบ่นกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องว่า คงต้องรอให้บรรดาเหยี่ยวข่าวช่วยโหมกระพือเรื่องนี้หน่อย ทางกระทรวงจึงจะเข้าไปล้วงลูกจากเจ้าของโครงการได้ เพราะข้อกล่าวหานั้นมีตั้งแต่ การโกงเงินเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น ตั้งงบประมาณลูกจ้างเอาไว้สูง จ่ายจริงไม่ถึง ค่าโอทีที่ตั้งเอาไว้ ก็ไม่เคยตกถึงมือใคร ฯลฯ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ยังต้องรอการพิสูจน์ แต่มันก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เดี๋ยวจะหาว่าการเมืองรังแกข้าราชการอีก
แต่เรื่องที่สำคัญกว่าหาใช่เรื่องการจับผิดเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ แต่เป็นเรื่องวิสัยทัศน์การบริหารงานต่างหากคือเรื่องใหญ่ที่ต้องพิจารณาโดยเร่งด่วน ศูนย์นี้ไม่ควรอีกต่อไปที่จะเป็นที่มาเล่นอินเทอร์เน็ตอย่างเดียว คล้ายกับอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ไม่ใช่ศูนย์ที่เอาไว้ใช้สำหรับงานแถลงข่าวของชาวไอที แต่มันต้องเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ การเอามืออาชีพระดับชั้นอ๋องของโลกเข้าให้ความรู้ ระดับสอน 3 วัน ให้เที่ยวฟรีอีก 3 วันเราก็ต้องยอม เด็กที่มาอบรมต้องคัดระดับดีเพื่อมาต่อยอด แล้วสร้างคนจาก professor ที่เชิญมาได้ ไม่ใช่การอบรมสอน power point เหมือนกับสถาบันสอนภาษาทั่วไป
สิ่งที่อยากท้วงติงหรือให้ขบคิด หากสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือ ที่เรียกกันว่า ซิป้า มีการยื่นขอโดยอนุมัติเงินจำนวน 159 ล้านบาท เพื่อให้ ผู้บริหารที่เคยบริหารศูนย์แห่งนี้ ไปจัดตั้ง ศูนย์ไอซีทีฯในรูปแบบนี้ขึ้นใหม่อีก โดยจะให้มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการในพื้นที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) หอการค้าจังหวัด หลังจากที่เห็นผลงาน ความสำเร็จในการทำงานในความล้มเหลวที่ผ่านมาเป็นอย่างดี ที่ยังไม่นับรวมการถูกสอบสวนการจัดซื้อจัดจ้าง หรือแม้กระทั่งการถูกร้องเรียนของพนักงานที่ได้มาการลงชื่อ ส่งถึง น.พ.สุรพงษ์ ก่อนที่จะหมดวาระและปรับเปลี่ยนรัฐบาล
การบริหารงานที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของศูนย์ไอซีทีแห่งนี้ นอกจากจะทำให้ประชาชนหวังใช้บริการหมดโอกาสแล้ว ยังสูญเสียงบประมาณอีกมากกว่าร้อยล้านบาท และในท้ายที่สุด ด้วยที่ผู้บริหารได้สร้างผลงานแบบเละเทะ สร้างปัญหาในหลากหลายรูปแบบ แต่พอแก้ไม่ได้หรือทำไม่เป็น ก็ขอโยกย้ายตนเองกลับไปนั่งรับเงินเดือนที่เดิม โดยไม่ต้องรับผิดชอบในความล้มเหลวใดๆ ที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น พร้อมกับประกาศชัดว่าว่าจะขอไปจับงานใน 3 จังหวัด และขณะเดียวกันก็หอบหิ้วลูกหลานคนนามสกุลดังระดับผู้หญิงแถวหน้าของรัฐบาล ไปด้วยกันหวังหนีปัญหา
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของโครงการที่ดีของภาครัฐ แต่กลับมีผู้บริหารที่ขาดวิสัยทัศน์ ความรู้และความรับผิดชอบ แม้ผู้จัดตั้งจะมีความตั้งใจอย่างไรก็ตาม แต่ผู้บริหารที่มาทำงานไม่มีความสามารถ ความล้มเหลวจึงเกิดขึ้นและคงไม่ต้องสรุปบทเรียนสำหรับจากศูนย์แห่งนี้ให้เสียเวลา เพราะเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน
นอกจากความล้มเหลวภายในศูนย์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ยังส่งผลให้กับคนอีกจำนวนหนึ่ง ที่นอกเหนือจากประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากบริการที่รัฐจัดให้นั้น ก็เป็นกลุ่มของพนักงาน หลังจากที่เคยต่อสู้ จากสิ่งที่ได้จากศูนย์การเรียนรู้ไอซีที คือการ ที่พวกเขาก็ได้รับสิ่งตอบแทนจากรัฐบาลผู้ที่เคยให้งานทำ แต่ใช้วิธีสัญญาจ้างทำงานแบบอัปยศ ซึ่งตรงนี้หากใครที่คิดจะทำงานกับหน่วยงานรัฐก็เตรียมให้ดีไว้ ที่อาจจะถูกลอยแพเมื่อไหร่ก็ได้
พวกเขาเหล่านี้ คือ หนูทดลองยาในด้านผลงานวิจัย ของรัฐบาล ในการทำงานในรูปองค์กรอิสระ ที่พนักงาน จาก 39 คน มีจำนวน เพียง 8 คน ที่ได้รับการจ้างงานต่อ หรือง่ายๆพนักงานจำนวน 31 คน ที่ถูกทิ้งให้ตกงานโดยไม่มีการจ้างต่อ ซึ่งถือว่าผิดหลักการของการโอนย้ายงาน ที่ของบุคคลที่ทำงานรัฐ หรือแม้กระทั่งก่อนหน้านี้ พวกเขาก่อนที่จะโอนย้าย ยังยืนรอเงินตกเบิกกันปากแห้ง หรือแม้กระทั่งเจ็บป่วยยังเบิกประกันสังคมไม่ได้ด้วยซ้ำ หากที่นี่ไม่ได้มีการดำเนินการเข้าไปควบรวมอุทยานการเรียนรู้ หรือ ที่เรียกกันในหมู่วัยโจ๋ กันว่า TK Park ที่จะอยู่ภายใต้การบริการของ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) (Office of Knowledge Management and Development: OKMD) ที่จะเข้ามาบริหารที่นี่ในอีกรูปแบบใหม่อย่างที่ไม่เข้าใจโมเดลกับงานของที่แห่งนี้ หรือในรูปต่างจากวัตถุประสงค์ที่ก่อตั้งขึ้นมา
บทสรุปของศูนย์การเรียนรู้ ไอซีที แห่งชาติ จะไม่มีชื่อปรากฏอีกต่อไปหลังจากเดือนกุมภาพันธ์ 2549 นี้แล้ว ภารกิจและกิจกรรมต่างๆ ของที่นี่จากนี้ไปก็อาจจะเปลี่ยนแปลง ทั้งที่กิจกรรมและวัตถุประสงค์ของ ศูนย์ไอซีที จะต่างกับอุทยานการเรียนรู้ ของสถานที่แห่งนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในแง่ของระบบการศึกษา หรือการสร้างพัฒนาบุคคล ที่ออกจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าคุณไม่เชื่อ ลองไปดูด้วยตาหรือไปลองสัมผัสด้วยตัวคุณเองก็จะสามารถตอบได้ ก่อนที่จะสัมผัสเข้าถึงความล้มเหลวในผลงานรัฐบาล ที่อุตส่าห์เคาะปี๊บ โหมโรงในทุกรูปแบบๆ กับผลงานอันลวงตา นอกเหนือจากการอ้างประชาชน ที่เขาชอบมักจะกล่าวอ้างผ่านสื่ออยู่เสมอ ทั้งการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น ก็จะช่วยให้ประเทศก้าวหน้าได้อย่างก้าวกระโดด ไม่แพ้กับประเทศผู้นำตะวันตก หรือ การมุ่งเป็น ฮับไอซีที ในภูมิภาค ว่าท่านทำต้องการดำเนินการอย่างจริงจังในสิ่งที่ท่านต้องการจะทำกันจริงๆ หรือไม่